
CGSI แนะซื้อ KBANK เป้า 184 บาท ชี้ปันผลจูงใจ 5.5-7.1% ต่อปี
CGSI คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น KBANK ชี้ปันผลจูงใจ 5.5-7.1% ต่อปี และปรับนโยบายจ่ายปันผลเพิ่มเป็น 50-60% ของกำไรสุทธิ หวังเพิ่มผลตอบแทนผู้ถือหุ้น เคาะราคาเป้าหมาย 184 บาท
ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยบทวิเคราะห์ภายหลังการจัด Virtual Roadshow ของธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2568 โดยนายกษิดิศ ธรรมพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยืนยันว่าเป้าหมายทางการเงินของธนาคารในปี 2568 ยังคงเดิม ได้แก่ อัตราการเติบโตของสินเชื่อ 0%, ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่ระดับ 3.3-3.5%, การเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิ 5-9%, อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้อยู่ในช่วง 40-45% และตั้งเป้าอัตราการสำรองหนี้สูญไว้ที่ 140-160 จุดฐาน (bp) ขณะที่คาดการณ์ว่า GDP ไทยในปีนี้จะขยายตัวราว 1.5% โดยมีความเสี่ยงด้านลบจากการชะลอตัวของนักท่องเที่ยวและหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ ผู้บริหาร KBANK ประเมินว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 จุดฐาน เหลือ 1.5% ภายในครึ่งปีหลังของปีนี้ และได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายหลักของการปล่อยสินเชื่อไว้ที่ลูกค้าเดิม ลูกค้าที่ขอสินเชื่อแบบมีหลักประกัน และกลุ่มที่มีรายได้มากกว่า 30,000 บาทต่อเดือน
CGSI ระบุเพิ่มเติมว่า KBANK ได้ปรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลจากเดิมที่ 25% ของกำไรสุทธิ เป็นมากกว่า 50% และตั้งเป้าระยะกลางอยู่ที่ 50-60% เพื่อเพิ่มผลตอบแทนของผู้ถือหุ้น โดยฝ่ายวิเคราะห์คาดว่าอัตราการจ่ายเงินปันผลจะอยู่ที่ 50% ต่อเนื่องในช่วงปี 2568-2570 ทั้งนี้ การพิจารณาการจ่ายปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานครึ่งปีแรก 2568 จะขึ้นอยู่กับมติของคณะกรรมการธนาคารและจะประกาศภายในสิ้นเดือนสิงหาคม 2568
ธนาคารยังเตรียมพิจารณาการจัดสรรกำไรเพิ่มเติมผ่านการจ่ายเงินปันผลพิเศษหรือการซื้อหุ้นคืน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจมหภาค โดย KBANK ตั้งเป้าอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ในปี 2568 เป็นเลขสองหลัก และรักษาอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 (CET-1) ไม่ต่ำกว่า 15% ในระยะกลาง โดยมีระดับอยู่ที่ 17.7% ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 ซึ่งจะช่วยรองรับการปรับปรุงกฎเกณฑ์ Basel III ในปี 2571
ด้านการบริหารต้นทุน ธนาคารสามารถลดค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยลง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดและค่าใช้จ่ายอื่น ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนรายได้ค่าธรรมเนียม ได้แก่ ธุรกิจบัตรเครดิต การขายประกัน กองทุนรวม การบริหารเงินทุน และค่าธรรมเนียมธุรกิจต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม คุณภาพสินทรัพย์ยังถือเป็นความท้าทาย โดยธนาคารตั้งเป้าจะนำอัตราการตั้งสำรองกลับสู่ระดับปกติที่ 140-160bp เทียบกับสมมติฐานของ CGSI ที่ 175bp
CGSI ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” KBANK ด้วยเหตุผลจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจในช่วงปี 2568-2570 ที่ระดับ 5.5-7.1% ต่อปี เทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ที่ 3.8% ในปี 2568 พร้อมให้ราคาเป้าหมายที่ 184 บาทต่อหุ้น อิงวิธี GGM คิดเป็น P/BV ที่ 0.74 เท่า อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังมีความเสี่ยงด้านลบจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) หรือสินเชื่อ Stage 2 รวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ธปท. ที่อาจกระทบต่อรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ ขณะที่ปัจจัยบวกคือการปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิในช่วง 3 ปีข้างหน้า หากอัตราการตั้งสำรองกลับสู่ระดับปกติ และสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยได้อย่างมีประสิทธิภาพ