CGSI มองกำไร “บจ.” หนุน SET เดือนพ.ย. ตั้งเป้าดัชนีสิ้นปี 69 แตะ 1,400 จุด

ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่นอกกลุ่มธนาคารจะทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/2568 ในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน โดย Bloomberg Consensus คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทไทยจะเติบโต 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) แต่ลดลง 27% จากไตรมาสก่อน (QoQ) กลุ่มที่คาดว่ามีกำไรเติบโตโดดเด่นจากปีก่อน ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว ปิโตรเคมี และพลังงาน ขณะที่กลุ่มวัสดุก่อสร้าง ขนส่ง และประกันภัยคาดว่าจะอ่อนตัวลง

CGSI เชื่อว่าหลังการประกาศผลประกอบการ จะมีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะกระตุ้นการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยช่วงเดือนพฤศจิกายน ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ เช่น “โครงการคนละครึ่งพลัส” ที่เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม ถึง 15 ธันวาคม 2568 และความเป็นไปได้ของมาตรการลดหย่อนภาษีการซื้อสินค้าในเดือนธันวาคม จะเป็นปัจจัยบวกต่อภาคค้าปลีก

ด้านการท่องเที่ยว รัฐบาลยังมีโครงการ “เที่ยวดีมีคืน” ที่ให้สิทธิลดหย่อนภาษีค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวสูงสุด 20,000 บาท แต่คาดว่าคนไทยอาจเดินทางน้อย เนื่องจากอยู่ในช่วงไว้อาลัยพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ขณะเดียวกันคาดว่าสถานการณ์การเมืองจะสงบในเดือนพฤศจิกายน หลังการปิดประชุมสภาเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม และจะเปิดอีกครั้งวันที่ 12 ธันวาคม

CGSI ยังระบุว่า การขายทำกำไรหุ้น DELTA อาจกดดันดัชนี SET หลังราคาหุ้น DELTA ปรับขึ้นกว่า 39% ณ วันที่ 30 ตุลาคม ส่งผลให้ดัชนีเพิ่มขึ้น 62 จุด หรือ 4.8% ตั้งแต่ต้นเดือน (MTD) และตลาดหลักทรัพย์ได้ขยายบัญชี Cash Balance ของ DELTA ถึงวันที่ 20 พฤศจิกายน ทั้งนี้ หากไม่รวม DELTA ดัชนี SET จะลดลงราว 1.8% นับจากต้นเดือนถึงปัจจุบัน โดยราคาหุ้น DELTA ซื้อขายที่ค่า P/E 89 เท่าในปี 2569 ตามประมาณการของ Bloomberg Consensus

ขณะเดียวกัน ดัชนี SET ปัจจุบันซื้อขายที่ P/E 15 เท่าในปี 2569 แต่หากตัด DELTA ออกจะอยู่ที่เพียง 12.4 เท่า หรือต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 10 ปี ราว -1.5SD ทั้งยัง underperform ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคอย่างมีนัยสำคัญนับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน จึงคาดว่าการปรับเพิ่มประมาณการกำไรและกระแสเงินทุนต่างชาติจะช่วยหนุนตลาดในเดือนพฤศจิกายน

ทั้งนี้ CGSI คงเป้าดัชนี SET สิ้นปี 2569 ที่ระดับ 1,400 จุด คิดเป็น P/E 15 เท่าในปี 2570 หรือ -0.75SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี โดยมีปัจจัยบวกจากการลดดอกเบี้ยนโยบาย มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลประกอบการไตรมาส 3 ที่ดี และการปรับเพิ่มประมาณการกำไรจาก Bloomberg ขณะที่ความไม่แน่นอนทางการเมืองและความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชาถือเป็นความเสี่ยงด้านลบ (Downside Risk) สำหรับหุ้นแนะนำเด่น (Top Pick) ได้แก่ ADVANC, BDMS, CPN, GULF, MINT, MTC, PR9, SCB และ TRUE