
BCPG เปิดงบ Q2 รายได้ 780 ลบ. หนุนอีบิทด้าแตะ 827 ล้านบาท
BCPG เปิดงบไตรมาส 2/68 พลิกขาดทุน 651 ล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 1.2 พันล้านบาท ส่วนรายได้แตะ 780 ล้านบาท ขณะที่ EBITDA ยังอยู่ที่ 827 ล้านบาท อีกทั้งต้นทุนขายและบริการลดลงต่อเนื่อง
บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 และงวด 6 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 พลิกขาดทุนสุทธิ ดังนี้
บริษัทฯรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 พลิกขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 651.02 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,243.43 ล้านบาท ขณะที่บริษัทยังคงรักษารายได้อยู่ที่ 780.30 ล้านบาท ลดลง 28% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,083.6 ล้านบาท และบริษัทมี EBITDA อยู่ที่ 827.80 ล้านบาท ลดลง 23.60% เมื่อเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 1,084.10 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามต้นทุนขายและบริการอยู่ที่ 529.7 ล้านบาท ลดลง 25.6% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 711.90 ล้านบาท อีกทั้ง ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 123.50 ล้านบาท ลดลง 17.50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 149.70 ล้านบาท
ขณะที่ หากนับกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติบริษัทมีกำไร อยู่ที่ 131.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.50% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 99.20 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการรับรู้ผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศไทยจากกำลังลมที่แรงขึ้น
พร้อมทั้งการรับรู้ผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นของโครงการคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือจากปริมาณการใช้ถังเก็บน้ำมัน และการใช้บริการขนถ่าย น้ำมันของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น และมีการรับรู้ผลการดำเนินงานเพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป. ลาว จากปริมาณน้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้น อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง
แต่อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นได้รับผลกระทบบางส่วนจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น รวมถึงส่วนแบ่งกำไรลดลงจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์และโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในประเทศ สหรัฐอเมริกา
ขณะเดียวกันในไตรมาสที่ 2/2568 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 123.5 ล้านบาท ลดลง 17.50% จากไตรมาสที่ 2/2567 จากการจำหน่ายไปซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 จากไตรมาสที่ 1/2568 เนื่องจากค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มขึ้น
ส่วนงวด 6 เดือน บริษัทพลิกขาดทุนสุทธิ 498.44 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 1,683.95 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากนับกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติบริษัทมีกำไร 329.20 ล้านบาท ลดลง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 442.40 ล้านบาท โดยมีสาเหตุมาจากการรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยลดลง จากการสิ้นสุด adderและค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ลดลง
อีกทั้ง การรับรู้ผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นลดลง จากการจำหน่ายโครงการโรงไฟฟ้าทั้งหมด เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 และการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ลดลง โดยเป็นผลจากการบันทึกค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องของโครงการNabas 2
รวมไปถึงการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาลดลง จากการปิดซ่อมบำรุงเพิ่มขึ้น และการอ่อนค่าของเงิน สกุลต่างประเทศเมื่อเทียบกับเงินบาท
แต่อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่ลดลงดังกล่าวได้รับการชดเชยบางส่วน จากผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นของโรงไฟฟ้าพลังงานลม ในประเทศไทย โครงการคลังน้ำมันและท่าเทียบเรือ และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำใน สปป. ลาว รวมถึงค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง
ในช่วง 6 เดือนปี 2568 ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (ไม่รวมรายการพิเศษ) อยู่ที่ 237.2 ลดลง 8.90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจากการจำหน่ายไปซึ่งโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น
สำหรับช่วง 6 เดือน บันทึกขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 116.70 ล้านบาท ลดลงก่อนหน้าที่บันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 109.2 ล้านบาท
นอกจากนี้ไตรมาสที่ 2/2568 กลุ่มบริษัทฯ บันทึกต้นทุนทางการเงินจำนวน 299.4 ล้านบาท ลดลง 27.10% จากไตรมาสที่ 2/2567 จากการชำระคืนเงินกู้ยืมภายหลังการขายสินทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้จำนวนภาระหนี้สินทางการเงินลดลง และเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ต้นทุนทางการเงินลดลง 1.90% จากอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ลดลง
สำหรับช่วง 6 เดือนปี 2568 กลุ่มบริษัทฯ บันทึกต้นทุนทางการเงินจำนวน 604.5 ล้านบาท ลดลง 27.20% จากช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า จากการชำระคืนเงินกู้ยืมภายหลังการขายสินทรัพย์ในประเทศญี่ปุ่น ส่งผลให้จำนวนภาระหนี้สินทางการเงินลดลง