
“กรภัทร” ชี้ SET ไปต่อ รับฟันด์โฟลว์-ดอกเบี้ยขาลง หนุนหุ้นไฟฟ้า-ICT เด่น
“กรภัทร วรเชษฐ์” มอง SET ยังเป็นขาขึ้น รับแรงหนุนฟันด์โฟลว์-ดอกเบี้ยขาลง-บาทแข็ง คัดหุ้นเด่นกลุ่มพลังงาน ICT พร้อมชูธีม ESG หนุนรอบใหม่ ชู GPSC-GULF-ADVANC-KTC-MTC เด่น จับตาประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่ MSCI คืนนี้ มอง ADVANC, PTT, DELTA มีโอกาสได้ปรับน้ำหนักขึ้น
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันที่ 7 ส.ค. 2568 ว่า มองทิศทางตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลงไปถึงจุดต่ำสุดแล้วที่ระดับ 1,053 จุด ดังนั้นคีย์สำคัญในการลงทุนภาพใหญ่คือนักลงทุนต่างชาติได้กลับสถานะการลงทุนในตลาดเกิดใหม่
เนื่องจากอิทธิพลของดอลลาร์สหรัฐฯจะอ่อนค่าลงต่อเนื่อง จากตัวเลขการจ้างงานอ่อนแอจะนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ ทำให้ภาพเงินดอลลาร์จะไปสู่ระดับประมาณ 95-90 และคาดว่าสกุลเงินเอเชียจะแข็งค่าขึ้นอย่างน้อยหนึ่งปีครึ่ง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังมีความเสี่ยง ประเทศต่าง ๆ พยายามใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ
ซึ่งในมุมของนักลงทุนต่างชาติมองตลาดเอเชีย โดยเฉพาะอาเซียน ได้เปรียบเชิงโครงสร้างจากอัตราภาษีนำเข้าที่แข่งขันได้ เช่น ไทยมีเรทภาษีแค่ 19% เมื่อเทียบกับอินเดียหรือบราซิลที่อยู่ระดับ 50% จึงหนุนให้มีแรงซื้อจากกองทุนต่างชาติเข้ามาต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังพบว่า ESG Fund และกองทุนยั่งยืนทั่วโลก เริ่มมีเม็ดเงินไหลเข้ามาในตลาดเอเชียเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2/68 ประกอบกับการเปิดกองทุน Thai ESGX จะทำให้กระแสฟันด์โฟลว์ไหลเข้า โดยเฉพาะกองทุนธีมพลังงานไฟฟ้า สะอาด หมุนเวียน และโซลาร์ ซึ่งตรงกับโครงสร้างของหุ้นไทยหลายตัว เช่น GPSC, GULF, BGRIM ที่ราคา Laggard จะช่วยขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยวันนี้
ในด้านกลยุทธ์ กลุ่มพลังงานไฟฟ้าถือว่าโดดเด่นทั้งจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยขาลงที่ช่วยลดต้นทุนเงินทุน และโอกาสในการขยายกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการพลังงานจากศูนย์ Data Center ขนาดใหญ่ใน 5 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าหุ้นกลุ่มนี้จะสามารถเบรกเส้นค่าเฉลี่ยระยะกลาง-ยาว และเป็นกลุ่มนำในรอบถัดไป
ดังนั้นแนวโน้มดัชนีจะไปต่อแม้ว่าดัชนี SET ได้เด้งขึ้นมาแล้วกว่า 200 จุด แต่ยังคงเป็น Deep Value โดยให้แนวต้านหลักอยู่ที่ 1,273 -1280 จุด ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,255 คาดว่า SET จะแกว่งตัวในแดนบวก และจะเดินหน้าในแดนบวกได้
ส่วนกลยุทธ์ลงทุนวันนี้แนะนำรายกลุ่มดังนี้
-กลุ่มพลังงานไฟฟ้าได้แก่: GPSC, GULF, BGRIM ได้แรงหนุนจากเทรนด์ ESG Fund และบาทแข็ง มีแนวโน้มเบรกเส้นค่าเฉลี่ย 75 และ 200 วันในเร็ว ๆ นี้
กลุ่ม Laggard แนะนำหุ้นโรงพยาบาลและการบริโภค ได้แก่ BDMS-CPALL เป็นหุ้นที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงและอาจได้อานิสงส์จาก MSCI เพิ่มน้ำหนัก
นอกจานี้สัปดาห์หน้ากรุงศรีคาดการณ์ว่า ในการประชุม กนง. รอบถัดไป มีโอกาสสูงที่ไทยจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นบวกต่อกลุ่ม Finance เช่น KTC, MTC และ AEONTS ที่ได้รับประโยชน์จากต้นทุนการเงินลดลงและอัตราส่วนกำไรที่สูงขึ้น
ส่วนกลุ่ม ICT มอง ADVANC มีแนวโน้มผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นหลังจาก TRUE มีจำนวนผู้ใช้บริการลดลง เป็นหนึ่งในหุ้นที่จะถูก MSCI เพิ่มน้ำหนักเนื่องจากมี Market Cap ขนาดใหญ่และปัจจัยบวกจากการปรับเพิ่ม Payout Ratio ทำให้ ROE สูงขึ้น ราคาพื้นฐาน 340 บาท ยังมี Upside กว่า 10%
ด้าน TRUE มองเป็นหุ้น Turnaround Play ในระยะกลางถึงยาว ผลประกอบการค่อยๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ระดับกำไรอาจยังไม่เป็นไปตามคาด การสร้าง Synergy ระหว่าง True และ Dtac อาจต้องใช้เวลาในระยะยาว True จะมีโอกาสที่ earning จะดีขึ้น และ GAP ที่ต่างกับ Advance เยอะจะถูกปรับขึ้น
ด้าน 3BBIF ผลประกอบการสูงกว่าคาดและกลับมาจ่ายปันผลได้เร็วขึ้น ได้รับประโยชน์จากการที่ผู้ใช้บริการย้ายค่ายมาใช้บริการ Fiber broadband เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการดูฟุตบอลผ่าน Mono Max ซึ่ง AIS เป็นพันธมิตร นอกจากนี้ยังได้ประโยชน์จากวงจรดอกเบี้ยขาลงที่สนับสนุนหุ้นกลุ่ม Infra Fund และ REITs มีโอกาสที่ราคาจะปรับไปที่ 8-9 บาท
ส่วนกลุ่ม Big Cap อื่น ๆ เช่น PTT และ DELTA เป็นหุ้นที่มีโอกาสถูก MSCI เพิ่มน้ำหนักจากโครงสร้างตลาด แนะจับตาประกาศรายชื่อคืนนี้