
NUT ไตรมาส 2/68 รายได้ 239 ลบ. ดันกำไรพุ่ง 94% เคาะปันผล 0.35 ขึ้น XD 26 ส.ค.นี้
NUT เผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 กำไรสุทธิ 14.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.76% รับอานิสงส์ยอดขายออนไลน์พุ่ง-คุมต้นทุนได้ผล พร้อมเดินหน้าจ่ายปันผลระหว่างกาล 0.35 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD 25 ส.ค.นี้ สะท้อนศักยภาพการเติบโตแข็งแกร่ง
นายภาคิณ กิตติภานุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT ผู้นำด้านการพัฒนาและผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารครบวงจร เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/2568 บริษัทมีรายได้จากการขาย 239.49 ล้านบาท และ มีกำไรสุทธิ 14.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 93.76% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7.67 ล้านบาท สะท้อนถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจในปีนี้
สำหรับผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 529.45 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 43.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.64% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 27.55 ล้านบาท แสดงถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในระดับไตรมาสและครึ่งปี
ด้านมติคณะกรรมการบริษัทฯอนุมัติ พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล ซึ่งมาจากผลกำไรครึ่งปีแรกและตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งของผลการดำเนินงาน โดยปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.35 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD (วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล) ในวันที่ 26 สิงหาคม 2568 วันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) ในวันที่ 27 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 5 กันยายน 2568
ทั้งนี้ บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย และ เพิ่มประสิทธิภาพการตลาดออนไลน์ ส่งผลให้บริษัทสามารถรับรู้รายได้ในช่องทางออนไลน์เพิ่มขึ้น อีกทั้งยังสามารถควบคุมต้นทุนการขาย และ ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ในช่องทางออฟไลน์
บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการจำกัดจำนวนขายสินค้า เพื่อแก้ไขปัญหาการขายสินค้าตัดราคา พร้อมเจรจาเปลี่ยนรูปแบบสัญญาในกลุ่ม Modern trade โดยทั้งหมดเป็นการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจและเพิ่มศักยภาพการบริหารงานในระยะยาว
“บริษัทมีความตั้งใจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ที่มุ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพรอบด้าน ด้วยจุดเด่นด้านการควบคุมการผลิตในทุกขั้นตอน ผ่านโรงงานที่ได้รับมาตรฐานสากล อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการตลาดออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนการขายช่องทางดังกล่าวอยู่ที่ 77.3% โดยเน้นพัฒนาด้านกลยุทธ์การสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด สะท้อนความสำเร็จจากกำไรสุทธิของบริษัทที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ” นายภาคิณ กล่าว