PTT กางแผนสร้างกระแสเงินสด 1 แสนลบ. ใน 2 ปี เร่งขับเคลื่อนธุรกิจพลังงาน เดินหน้า Net Zero

PTT ย้ำกลยุทธ์เสริมความแข็งแกร่งทางการเงิน เร่งปรับโครงสร้างสินทรัพย์ จับมือพันธมิตรเสริมธุรกิจโรงกลั่น–ปิโตรเคมี ตั้งเป้าสร้างกระแสเงินสดแตะ 100,000 ล้านบาท ภายในปี 2569 พร้อมขยายการลงทุน LNG–CCS–Hydrogen และ EV Charging ดันยอดโตเป้าหมาย 10 ล้านตัน ภายในปี 2573


ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT เปิดเผยผลการดำเนินงานรอบ 6 เดือนแรกปี 2568 ว่าบริษัทสามารถสร้างผลประกอบการที่แข็งแกร่ง แม้ต้องเผชิญความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลง และส่วนต่างกำไรจากสต๊อกน้ำมัน รวมถึง Spread ของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีที่ลดลง โดยปตท.มีกำไรสุทธิ 44,848 ล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับกำไรสุทธิของทั้งปี 2567 ซึ่งอยู่ที่ 90,072 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ปตท.ยังคงรักษาความแข็งแกร่งของผลประกอบการและฐานะการเงิน โดยดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ “แข็งแกร่ง ร่วมกับสังคมไทย และก้าวสู่ระดับโลกอย่างยั่งยืน” ตอกย้ำพันธกิจหลักในการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ควบคู่กับการพัฒนาอย่างสมดุลและการลดก๊าซเรือนกระจก

สำหรับ ธุรกิจ Hydrocarbon ปตท.และบริษัทลูกอย่างปตท.สผ. หรือ PTTEP ได้ขยายการสำรวจและผลิตในหลายแหล่ง ทั้งแหล่งอาทิตย์ แหล่งสินภูฮ่อม และแหล่ง MTJDA รวมถึงชนะการประมูลโครงการ Reggane II พร้อมกันนี้ยังได้วางเป้าหมายสู่การเป็น Global LNG Player ด้วยการขยาย LNG Portfolio ให้แตะ 10 ล้านตันต่อปีภายในปี 2573 และเพิ่มเป็น 15 ล้านตันต่อปีภายในปี 2578 โดยล่าสุดได้ลงนามข้อตกลงร่วมศึกษาการจัดหา LNG ระยะยาวกับบริษัท 8 Star Alaska, LLC ประเทศสหรัฐอเมริกา

ในส่วนของ ธุรกิจ Non-Hydrocarbon ปตท.เดินหน้าปรับพอร์ตลงทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยธุรกิจ Life Science ได้พัฒนาความร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อการเติบโตแบบพึ่งพาตนเอง ขณะเดียวกันได้ปรับโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกผ่านการขายหุ้นใน Lotus และจำหน่ายเงินลงทุนในบริษัท นีโอ โมบิลิตี้ เอเชีย จำกัด เพื่อเสริมสภาพคล่องและให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ด้านยานยนต์ไฟฟ้า

ด้านความยั่งยืน กลุ่มปตท. ดำเนินงานตามหลักการเปลี่ยนผ่านพลังงานในสามมิติ ได้แก่ การเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานผ่านการกระจายความเสี่ยง การจัดหาพลังงานที่เข้าถึงได้ในราคาที่แข่งขันได้ และการดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการลดก๊าซเรือนกระจก โดยได้ศึกษาโครงการ Eastern Thailand CCS Hub เสร็จสิ้นแล้ว พร้อมเดินหน้าการลงทุนโครงการ CCS ที่แหล่งอาทิตย์ อีกทั้งยังมีการศึกษาความเป็นไปได้ของการใช้แอมโมเนียคาร์บอนต่ำเป็นเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้า และลงนามความร่วมมือกับ Avaada Ventures ประเทศอินเดีย เพื่อศึกษาการจัดหาไฮโดรเจนสีเขียวและแอมโมเนียสีเขียวสู่ประเทศไทย

ควบคู่กันนั้น ปตท.ยังมุ่งสร้างความแข็งแรงจากภายใน ผ่านโครงการสำคัญหลายด้าน อาทิ การบริหารความร่วมมือด้านซัพพลายเชนและการตลาดทั้งในและต่างประเทศภายใต้โครงการ D1 และ Project One เพื่อยกระดับ Synergy ในกลุ่ม ปตท. การยกระดับประสิทธิภาพการทำงานผ่าน Mission X ที่มุ่งใช้ Lean Process และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มรายได้ การเดินหน้าโครงการ Axis ในการผลักดัน Digital Transformation และการพัฒนาบุคลากร ตลอดจนการดำเนินกลยุทธ์ Asset Monetization เพื่อบริหารและใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์อย่างเต็มศักยภาพ พร้อมเสริมสร้างวินัยทางการเงินและความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินผ่านโครงการ Financial Excellence

ในช่วงครึ่งปีแรก ปตท.ยังมีบทบาทในการสร้างความเข้มแข็งร่วมกับสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้ที่เชื่อมโยงกับแนวคิด ESG การเตรียมเสนอขาย Young Saver Bond ครั้งแรก การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา และผู้ประสบอุทกภัยในจังหวัดแพร่และน่าน รวมถึงการสนับสนุนเกษตรกรไทยผ่านโครงการ “ชวนคุณสร้างรอยยิ้มให้เกษตรกร” และ “ชุมชนยิ้มได้” ตลอดจนการสานต่อโครงการตามพระบรมราโชบายด้านการพัฒนาแหล่งน้ำ ผ่านภาพยนตร์สั้นเฉลิมพระเกียรติชุด “สายน้ำแห่งชีวิต”

สำหรับครึ่งปีหลัง 2568 บริษัทได้วางกลยุทธ์ชัดเจนในการบริหารจัดการเงินสดและสร้างสภาพคล่อง โดยตั้งเป้าสร้างกระแสเงินสด 38,000 ล้านบาทในปีนี้ และ 77,000 ล้านบาทในปี 2569 รวมกว่า 100,000 ล้านบาทภายในสองปี ผ่านแผน Asset Monetization การลดสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจที่ไม่ใช่ความถนัด และการหาพันธมิตรระดับโลกเข้ามาร่วมธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีที่มีการแข่งขันสูง กลยุทธ์ดังกล่าวไม่เพียงเพิ่ม ROIC 5–10% แต่ยังช่วยรักษาอันดับเครดิตของปตท.และบริษัทลูกให้อยู่ในระดับที่มั่นคงและน่าสนใจสำหรับนักลงทุน

ดร.คงกระพัน กล่าวทิ้งท้ายว่า ปตท.ยังคงพร้อมเผชิญทุกความผันผวน ด้วยการสร้างความแข็งแกร่งจากภายใน ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและความร่วมมือจากพันธมิตรระดับโลก พร้อมยึดมั่นในวิสัยทัศน์การเติบโตเคียงคู่สังคมไทยและก้าวสู่เวทีโลกอย่างยั่งยืน.

Back to top button