
“นฤตม์” ชูศักยภาพโครงสร้างพื้นฐาน-นวัตกรรมดิจิทัล ดึงเม็ดเงินลงทุนทะลุ 1 ล้านล้าน
BOI เผยการลงทุนในไทยพุ่งทำสถิติสูงสุดในรอบทศวรรษ ก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง EV-ดิจิทัล-Data Center ขณะที่ CP Group และหัวเว่ยหนุนไทยเดินหน้าสู่ฮับ AI-เศรษฐกิจสีเขียวของอาเซียน
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยในการประชุม Thailand Focus 2025 ว่า การลงทุนในไทยเติบโตต่อเนื่องและทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี โดยปี 2567 มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนกว่า 1 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากปีก่อน ขณะที่การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศขยายตัว 25% และยังเร่งตัวต่อเนื่องในครึ่งแรกของปี 2568 ซึ่งมีการยื่นขอรับการส่งเสริมเพิ่มขึ้นถึง 139%
นักลงทุนหลักมาจากสิงคโปร์ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน และญี่ปุ่น โดยให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ดิจิทัล และยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งได้รับแรงหนุนจากห่วงโซ่อุปทานที่แข็งแกร่ง และการผลักดันพลังงานสะอาดผ่านโครงการ Utility Green Tariff และ Power Purchase Agreement (PPA) ที่เปิดทางให้ศูนย์ข้อมูล (Data Center) เข้าถึงพลังงานหมุนเวียนได้โดยตรง
นายนฤตม์ เน้นย้ำข้อได้เปรียบของไทยที่มีโครงสร้างพื้นฐานทันสมัย เช่น ท่าเรือน้ำลึก สนามบินนานาชาติ และนิคมอุตสาหกรรมกว่า 70 แห่ง ตลอดจนการเชื่อมโยงตลาดโลกผ่าน FTA 17 ฉบับและ RCEP ขณะเดียวกันยังมีการเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรป แคนาดา และเกาหลีใต้ ซึ่งช่วยเสริมความมั่นใจแก่นักลงทุน
ด้านนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (CP Group) ระบุว่า บริษัทพร้อมลงทุนต่อเนื่องในธุรกิจหลัก ทั้งค้าปลีก โทรคมนาคม และเกษตรอุตสาหกรรม โดยชี้ว่าประเทศไทยมีเสน่ห์ด้านทำเลที่ตั้ง มาตรการจูงใจ และความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะทำให้ไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลาง AI สำคัญของอาเซียน พร้อมเสนอ 4 ยุทธศาสตร์หลัก ได้แก่ การสร้างศูนย์กลางบุคลากรคุณภาพ การใช้จุดแข็งด้านภูมิรัฐศาสตร์ ปฏิรูปภาคเกษตร และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลควบคู่เศรษฐกิจสีเขียว
ขณะที่ ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ชี้ให้เห็นบทบาทเชิงยุทธศาสตร์ของไทยในการเป็นศูนย์กลางเทคโนโลยีระดับภูมิภาค โดยหัวเว่ยยังคงเดินหน้าลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) คิดเป็น 20–25% ของรายได้ต่อปี และมีแผนพัฒนาบุคลากรด้านไอทีไทยกว่า 100,000 คนใน 5 ปี เพื่อรองรับความต้องการด้านการเปลี่ยนผ่านดิจิทัลในภาคการเงิน การผลิต และการแพทย์
ทั้งนี้ ผู้บริหารทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่า ความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทาน และการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลและสีเขียว จะทำให้ประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการลงทุน นวัตกรรม และการค้าในภูมิภาคอย่างมั่นคง