CENTEL เด้ง 4% โบรกอัพคำแนะนำ “ซื้อ” เป้า 36 บาท รับธุรกิจโรงแรม-อาหารฟื้นตัว

CENTEL เด้ง 4% รับอานิสงส์ “บล.ดาโอ” ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น "ซื้อ" จากเดิม "ถือ" ปรับราคาเป้าหมาย 36 บาท ชี้ธุรกิจโรงแรม-อาหารฟื้นตัว หนุนด้วย Upside จากดีล M&A ร้านอาหาร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ส.ค. 68) ราคาหุ้น บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ณ เวลา 10:22 น. อยู่ที่ระดับ 30.25 บาท บวก 1.25 บาท หรือ 4.31% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 30.50 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 29.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 34.76 ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในบทวิเคราะห์ว่า CENTEL มีแนวโน้มฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและอาหาร ซึ่งแสดงสัญญาณฟื้นตัวอย่างชัดเจนในช่วงเดือนส.ค. 68 ซึ่งเร็วกว่าคาด เดิมคาดว่าจะกลับมาได้อีกทีในไตรมาส 4/68

ทั้งนี้ ธุรกิจโรงแรมมีตัวเลข On the book ในไตรมาส 3/68 (Update ถึง วันที่ 20 ส.ค. 68) มีรายได้เฉลี่ยต่อห้อง/วัน (ReLPAR) โดยการเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อน เพิ่มขึ้นประมาณ 7–9% ต่อปี ซึ่งเติบโตได้ดีในต่างจังหวัด โดยเติบโตปีต่อปีมากกว่า 10% ได้แรงหนุนจากเกาะสมุยซึ่งอยู่ในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวสูงสุด (Peak season) และจากพัทยาที่กลับมาเติบโตอย่างโดดเด่นหลังการปรับปรุง (Renovate)

ขณะที่ผลการดำเนินงานในกรุงเทพมหานครยังปรับตัวลดลงเล็กน้อย ผลประกอบการลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ประมาณ 4–6% ขณะเดียวกันญี่ปุ่นกลับเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนมากกว่า 10% โดยเฉพาะในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนเพราะส่วนใหญ่เลื่อนมาจากเดือน ก.ค. ที่มีการคาดการณ์ว่ามีแผ่นดินไหว ทำให้คาดไตรมาส 3/68 ที่ญี่ปุ่นจะสามารถเติบโตเมื่อเทียบกับปีก่อนมากกว่า 10% ได้ แม้ว่าจะเป็น Low season

ด้าน  World Expo ที่โอซาก้าช่วยหนุน ส่วนดูไบยังเติบโตปีต่อปีประมาณ 1–3% ขณะที่มัลดีฟส์ยังหดลดลงราว 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วเพราะพื้นตัวได้ดีเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/68 ที่ลดลงราว 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยจะทำให้ผลขาดทุนจากโรงแรมใหม่ที่มัลดีฟส์ในครึ่งหลังปี 68 จะลดลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก หลังครึ่งปีแรกรับรู้ผลขาดทุนไปแล้วราว 2,000 ล้านบาท ขณะที่ผู้บริหารคาดว่าจะเห็นขาดทุนปี 68 ราว 350-380 ล้านบาท

ส่วนธุรกิจอาหารมี SSSG พื้นตัวได้มาอยู่ที่ทรงตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากไตรมาส 2/68  ที่ลดลง 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะ KFC เริ่มฟื้นตัวได้ดีจากเดือน ก.ค. ที่ลดลง 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ประกอบกับปัจจุบันกำลังทำดีล M&A ธุรกิจอาหารอีก 1-2 ดีล โดยรับรู้กำไรเข้ามาได้เลย คาดจะประกาศดีลในช่วงไตรมาส 4/68

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คงประมาณการกำไรปกติปี 68 อยู่ที่ 1.67 พันล้านบาท ลดลง 6% เมื่อทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลง ขณะที่กำไรไตรมาส 2/68 เป็นจุด Bottom ของปีไปแล้วเรียบร้อยแล้ว ทำให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรปกติไตรมาส 3/68 จะลดลงจากงวดเดียวของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจากฐานต่ำเนื่องจากเจอผลกระทบของแผ่นดินไหว ขณะที่ยอด Booking และการเติบโตของรายได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น

ดังนั้นฝ่ายนักวิเคราะห์ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” จากเดิมแนะ “ถือ” และปรับราคาเป้าหมายโดยการ Rollover ไปปี 2569 ได้ราคาเป้าหมายที่ 36.00 บาท จากเดิม 29.00 บาท ขณะที่มี upside เพิ่มจากดีล M&A ร้านอาหารที่สามารถรับรู้เป็นกำไรเข้ามาได้เลย ด้าน Valuation ซื้อขายที่ EV/EBITDA เพียง 10 เท่า เทียบเท่า -1.50SD ย้อนหลัง 8 ปี แต่ยังมีความเสี่ยงจากต้นทุนวัตถุดิบอาหารเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด รวมถึงการบริโภคภายในประเทศที่จะฟื้นตัวข้ากว่าคาด และจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาน้อยกว่าที่คาด

Back to top button