MC เด้ง 3% หลังอวดกำไรปี 68 โต 7% แตะ 760 ลบ. โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 12.6 บาท

MC เด้ง 3% หลังโชว์งบกำไรปี 68 โต 7% แตะ 760 ล้านบาท พ่วงบอร์ดเคาะปันผลหุ้นละ 0.41 บาท เตรียมขึ้น XD 4 พ.ย.นี้ บล.ทิสโก้ คงแนะนำ “ซื้อ” ให้เป้า 12.6 บาท พร้อมเดินหน้าขยายสาขา-รุกตลาดออนไลน์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 ก.ย. 68) ราคาหุ้น บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC ณ เวลา 11:50 น. อยู่ที่ระดับ 10.80 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.86% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 10.80 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 10.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 12.19 ล้านบาท

นายแมทธิว กิจโอธาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสินค้าแฟชั่นและไลฟ์สไตล์แบรนด์ “แม็คยีนส์” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 2568 (1 ก.ค. 2567 – 30 มิ.ย. 2568) บริษัทมีกำไรสุทธิ 760 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 713 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 18% สูงกว่าปีก่อนที่ 17.3% และยังรักษาอัตรากำไรขั้นต้นได้ในระดับสูงที่ 63.9% ขณะที่รายได้จากการขายรวมอยู่ที่ 4,152 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 98 ล้านบาท หรือ 2.4% จากปีก่อน ซึ่งเป็นการเติบโตต่อเนื่องแม้ความเชื่อมั่นผู้บริโภคชะลอตัวจากปัจจัยเศรษฐกิจและการเมือง

นายแมทธิว กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังอีกหุ้นละ 0.41 บาท ส่งผลให้ทั้งปีบัญชี 2568 บริษัทจ่ายเงินปันผลรวม 0.96 บาทต่อหุ้น โดยครึ่งปีแรกได้จ่ายไปแล้ว 0.55 บาทต่อหุ้น คิดเป็นการจ่ายปันผลในอัตรา 100% ของกำไรสุทธิ สูงกว่านโยบายที่กำหนดจ่ายไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลดังกล่าวจะเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 28 ตุลาคม 2568 และจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568

ณ สิ้นงวดบัญชี 30 มิถุนายน 2568 บริษัทมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดรวมถึงเงินลงทุนชั่วคราวอยู่ที่ 1,984 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 250 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน สะท้อนสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งและกระแสเงินสดที่ดีขึ้นจากผลประกอบการที่เติบโต

บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมายที่ 12.6 บาท แนวโน้มการเติบโตในปี 2568 จะเติบโตจากการปรับ Layout สาขารวมถึงขยายพื้นที่สาขาให้มีขนาดเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 100-120 ตารางเมตร (จากเดิม 50-80 ตารางเมตร) สำหรับ Outlet และ Super Store (เช่น Lotus, BigC) รวมถึงแผนออกสินค้าใหม่เพื่อเจาะกลุ่มตลาด Gen Y, Z และ Online Exclusive มากขึ้น

แนวโน้มไตรมาสที่ 1/69 ยังเติบโต เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
แนวโน้มยอดขายรวมในเดือน ก.ค. หดตัวราว 1-2% จากสภาวะเศรษฐกิจ แต่กลับมาเติบโตในระดับ HSD ในเดือน ส.ค. จากการปรับ Layout สาขาและจำนวน SKUs ให้ตอบโจทย์มากขึ้น ทำให้สามารถเพิ่มยอดขายต่อตรม.ได้ ขณะที่ยอดขาย Online มีสัดส่วนเพิ่มมาสู่ระดับ 28% โดยผู้บริหารตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปี 2568-2569 ที่ 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน รวมถึงการรักษาระดับ GPM และ NPM ไว้ที่ 64% และ 18% ตามลำดับ

 

Back to top button