
ERW บวก 3% รับสัญญาณรายได้ฟื้น โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 2.78 บาท
ERW บวก 3% รับสัญญาณฟื้นตัวของ RevPAR และอัตราเข้าพักในไตรมาส 3/68 ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่าไตรมาส 2/68 เป็นจุดต่ำสุดของปี และคาดกำไรจะฟื้นตัวเด่นในไตรมาส 4/68 หนุนโดยนักท่องเที่ยวจีนและ Hop Inn ที่ยังเติบโตแข็งแกร่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (8 ก.ย. 68) ราคาหุ้น บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW ณ เวลา 10:10 น. อยู่ที่ระดับ 2.78 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 2.96% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 2.80 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 2.72 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 18.71 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากการอัพเดทข้อมูลภาพรวมธุรกิจของ ERW ว่าเป้นกลางต่อรายได้เฉลี่ยต่อห้อง/วัน ในช่วงเดือนกรกฎาคม–สิงหาคม 2568 เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนหน้าถึงปัจจุบัน (QTD) ที่ฟื้นตัวตามคาด เพิ่มขึ้นราว 1% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังลดลง 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
(จากไตรมาส 2/68 ที่ลดลง 21% จากไตรมาสก่อน และลดลง 13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน) เพราะเป็นช่วง Low season โดยภาพรวมรายได้เฉลี่ยต่อห้อง/วัน (ไม่รวม Hop Inn) อยู่ที่ 2,187 บาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน แต่ลดลง 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้มาจากการเข้าพักในต่างจังหวัดมากกว่ากทม.
โดยอัตราการเข้าพัก (Occ. Rate) ปรับขึ้นเป็น 78% จาก 72% ในไตรมาส 2/68 ใกล้เคียงระดับ 80% ในไตรมาส 2/67 ขณะที่อัตราเฉลี่ยต่อห้อง (ADR) อยู่ที่ 2,900 บาท ลดลง 9% เมื่อเทียบปีก่อน และ 4% จากไตรมาสก่อนหน้า ตามภาวะตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่ยังชะลอตัว แต่อย่างไรก็ดี ERW พยายามรุกนักท่องเที่ยวอินเดีย ตะวันออกกลาง และรัสเซียมาแทนนักท่องเที่ยวจีนที่ชะลอตัวลง โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเห็นการฟื้นตัวได้อย่างแท้จริงในช่วงไตรมาส 4/68
ขณะที่ Hop Inn ยังคงเติบโตได้ดี โดยมีรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ราว เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน (สัดส่วนรายได้ราว 23%) จากการเปิดโรงแรมเพิ่มมากขึ้น ส่วนโรงแรมที่ญี่ปุ่นเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ดี ในเดือน ส.ค. 68 จากเดือน ก.ค.68 ที่โดนผลกระทบจากการพยากรณ์ว่าจะเกิดแผ่นดินไหว ทั้งนี้ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า ภาพรวมรายได้เฉลี่ยต่อห้อง/วัน (RevPAR) ในเดือน ก.ย.68 จะฟื้นตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ได้ต่อเนื่องเพราะคาดว่า RevPAR ได้ ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/68 ขณะที่คาดว่าภาพรวม RevPAR ในไตรมาส 3/67 จะลดลงเหลือ ลดลง 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 6% จากไตรมาสก่อน
ส่วนทาง ERW มีการเลื่อนแผน Renovate ที่ โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ (Grand Hyatt Erawan-GHE) (สัดส่วนรายได้ ราว 20%) ไปเป็นไตรมาส 2 ถึงไตรมาส 3/69 (ทำ 2 ปี อีกช่วงคือไตรมาส 2-ไตรมาส 3/70) จากเดิมที่จะเริ่มทำครึ่งปีหลังปี 2568 โดยการ Renovate ครั้งนี้จะทำ แบบ Refresh ซึ่งจะไม่มีการทุบเหมือน JW Marriot ทำให้ผลกระทบจะจำกัดมาก โดย ERW คาดว่าช่วง Renovate จะยังสามารถรองรับ Occ. Rate ได้สูงสุดที่ราว 80-85% ซึ่ง เกือบเท่าช่วง Peak season อยู่แล้ว ส่วนประเด็นเรื่องการต่อสัญญาที่ Grand Hyatt Erawan ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการฟ้องศาลเพื่อให้เร่งรัดกับหน่วยงานรัฐให้ปฏิบัติตามข้อผูกพัน โดยคาดหวังว่า กระบวนการต่อสัญญาจะเร็วขึ้น ทั้งนี้ จากงบการเงินของ GHE ปี 2567 พบว่ามีกำไรอยู่ที่ราว 77 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนกา ไรของ ERW ราว 9% หรือคิดเป็น EPS ที่ 0.016 บาทต่อหุ้น หากอิง PER เฉลี่ยกลุ่มที่ 20 เท่า ได้ที่ 0.31 บาทต่อหุ้น ขณะที่ราคาหุ้นลงมาจากประเด็นนี้ตั้งแต่ 5 บาท ทำให้ฝ่ายนักวิเคราะห์มอง ว่าราคาหุ้นลงมารับข่าวเรื่องนี้มามากพอแล้ว
ทั้งนี้ฝ่ายนักวิเคราะห์ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2568 ที่ 829 ล้านบาท ลดลง 11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ขณะที่คาดแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/68 จะหดตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน แต่จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน เพราะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/68
โดยราคาเป้าหมายปี 2570 ที่ 3.00 บาท อิง DCF (WACC 8.7%, terminal growth 1.5%) โดยมองว่ากำไรได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/68 และจะเห็นการฟื้นตัวได้ดีในไตรมาส 4/68 จากการคาดหวังว่า นักท่องเที่ยวจีนจะกลับมา ด้าน Valuation ซื้อขายที่ 68 ค่า PER ที่ 15 เท่า ถูกสุดเมื่อเทียบกับ MINT และ CENTEL ที่ 16 เท่า และ 23 เท่า ขณะที่มีความเสี่ยงจากการต่อสัญญาที่ GHE ไม่ได้ (สัดส่วนรายได้ ราว 20%) รวมถึงการเกิดโรคระบาดใหม่ภายในประเทศ เพราะมีสัดส่วนโรงแรมในประเทศไทยสูง ที่สุดในกลุ่มท่องเที่ยวถึง 88% ประกอบกับจา นวนนักท่องเที่ยวจีนที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดย ERW มี สัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนสูงสุดในกลุ่มที่ 14%