BTS เด้ง 1% รับข่าวดี กทม. จ่อปิดหนี้สายสีเขียว 3.2 หมื่นลบ. ก่อนเส้นตาย 31 ต.ค.นี้

BTS เด้ง 1% รับข่าวดีหลังสภากรุงเทพมหานครเห็นชอบให้ กทม. เร่งชำระหนี้โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 1 และ 2 จำนวน 32,000 ล้านบาท ก่อนเส้นตาย 31 ต.ค.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (12 ก.ย. 68) ราคาหุ้น บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ณ เวลา 10:54 น. อยู่ที่ระดับ 3.34 บาท บวก 0.04 บาท หรือ 1.21% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 3.38 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 3.32 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 141.38 ล้านบาท

นายนภาพล จีระกุล สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตบางกอกน้อย ประธานคณะกรรมการวิสามัญเพื่อศึกษาปัญหาของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า วันนี้ (12 ก.ย.) การรายงานผลเจรจากับ BTS พร้อมมติคณะกรรมการในที่ประชุมนั้น ได้อนุมัติให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) ชำระหนี้ค้างชำระให้แก่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ BTS ซึ่งหนี้เหล่านี้เกี่ยวข้องกับค่าธรรมเนียมการดำเนินการและบำรุงรักษา (O&M) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย 1 และ 2 ซึ่งมียอดค้างชำระรวมดอกเบี้ย 32,000 ล้านบาท

นายนภาพล กล่าวว่า การชำระหนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากเป็นไปตามคำพิพากษาขั้นสุดท้ายของศาลปกครอง กระบวนทั้งหมดนี้มีความเร่งด่วน เนื่องจากดอกเบี้ยเกิดขึ้นวันละ 5.4 ล้านบาท ดังนั้น ทำให้ต้องรีบดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด เพื่อลดความเสียหายที่เกิดกับกทม.

สำหรับการชำระเงินของ BMA ที่จะถึงนี้ จะครอบคลุมหนี้ทั้งหมดจนถึงเดือนสิงหาคม 2568 คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 32,000 ล้านบาท แบ่งเป็น หนี้ที่ถูกฟ้องร้องในส่วนต่อขยาย 1 และ 2 (มิ.ย. 2564-ต.ค. 2565) กทม. ค้างชำระจำนวนเงิน 12,000 ล้านบาท และที่เหลือเป็นหนี้ที่ยังไม่มีการฟ้องร้องดำเนินคดี ประมาณ 20,000 ล้านบาท

ด้าน นายซัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เตรียมเสนอ ครม. พิจารณาอนุมัติงบประมาณจากเงินสำรอง กทม. 17 กันยายนนี้ (วาระแรก) เลื่อนจากเดิม 10 กันยยายน เพื่ออำนวยความสะดวกในการคืนเงินให้กับ BTS ทั้งหมด

ในส่วนของสาเหตุหลักของความล่าช้าเกิดจากเงินฝากประจำของ BMA ที่ยังไม่ครบกำหนด 6 เดือน การรอให้ครบกำหนดจะช่วยป้องกันไม่ให้กรุงเทพมหานครสูญเสียดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม การเลื่อนออกไปไม่สามารถชดเชยภาระดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นกว่า 8% จากหนี้สินปัจจุบันได้

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา ผู้อำนวยการใหญ่สายธุรกิจ MOVE และกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ BTSC เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า การเลื่อนวันเสนอของบประมาณเงินสะสมของกรุงเทพมหานคร ยังไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อกำหนดการโดยรวม และคาดว่าจะยังดำเนินการได้ทันภายในเส้นตายวันที่ 31 ตุลาคมนี้

ส่วนสถานการณ์เกี่ยวกับนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายที่ยังไม่มีความแน่นอน ตนมองว่า อาจเกิดจากการที่รัฐบาลยังไม่ได้รับข้อมูลที่ครบถ้วน และจำเป็นต้องรอให้เข้ามาเริ่มทำงานอย่างเป็นทางการก่อน

ขณะที่การเจรจากับการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เกี่ยวกับส่วนแบ่งค่าบริการรถไฟฟ้า ตามนโยบาย 20 บาทตลอดสายนั้น ทางรฟม.แจ้งให้หยุดไว้ชั่วคราว โดยให้เหตุผลว่าต้องการรอฟังนโยบายรัฐบาลก่อน

“เราไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ จากการชะลอโครงการ 20 บาทตลอดสาย การดำเนินงานยังคงเป็นไปตามปกติ แต่ถ้ามีโครงการนี้ก็จะเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น” นายสุรพงษ์ กล่าว

Back to top button