DIF บวกต่อ 1% รับดอกเบี้ยขาลง หนุนกำไร-ปันผลโต โบรกแนะ “ซื้อ” เป้า 11.40 บาท

DIF บวกต่อ 1% รับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง หนุนการจ่ายปันผลเพิ่มขึ้นต่อไตรมาส คงยีลด์เฉลี่ยต่อปีระดับสูง พร้อมสัญญาเช่าทรัพย์สินยาวถึงปี 2576 พร้อมเสริมความมั่นคงรายได้ระยะยาว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (15 ก.ย. 68) ราคาหุ้น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF ณ เวลา 10:23 น. อยู่ที่ระดับ 9.15 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 1.10% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 9.20 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 9.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 86.28 ล้านบาท

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล หรือ DIF แนวโน้มครึ่งปีหลังจะมีกำไรจากการลงทุน (ไม่รวมรายการพิเศษ) ต่อไตรมาสใกล้เคียงกับไตรมาส 2/2568 และคาดจะจ่ายเงินปันผลอัตราหน่วยละ 0.218 บาท (ยีลด์ 2.7%) ต่อไตรมาส

นอกจากนี้ กองทุนรวม DIF จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง ซึ่งหากอัตราดอกเบี้ย THOR ลดลงจากครึ่งแรกปีนี้ จะเป็นบวกต่อสภาพคล่องของกองทุน และมีโอกาสจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งปีหลังสูงกว่าที่คาดไว้ โดยประเมินกรณีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เปลี่ยนแปลง 0.25% จะมีผลให้กระแสเงินสดของกองทุนเปลี่ยนแปลง 0.01 บาทต่อหน่วยลงทุน

ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน แนะนำซื้อ DIF ให้ราคาเป้าหมายที่ 11.40 บาท เนื่องจากมองว่ารายได้หลักของกองทุนมีเสถียรภาพจากสัญญาระยะยาวถึงปี 2576 อีกทั้งมีโอกาสขยายอายุสัญญาอีก 10 ปี มีเงื่อนไขรายได้บรอดแบนด์กลุ่ม TRUE เกิน 16,500 ล้านบาท ส่วนแบ่งตลาดบรอดแบนด์เกิน 33% และคาดจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ย 11% ต่อปี รวมทั้งได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยขาลง

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK ระบุว่า ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่มีความผันผวน คาดกองทุนย่อยโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม (Telco Infrastructure Fund หรือ Telco IFF) จะรายงานกำไรปกติรวมที่ 1.75 หมื่นล้านบาท ในปี 2568 โดยได้รับแรงหนุนจาก 1.) รายได้ที่มั่นคงจากผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง และ 2.) ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่น้อยลงจากหนี้และต้นทุนทางการเงินที่ลดลง

โดย DIF ยังได้ประกาศสำรองการชำระหนี้ก่อนจ่ายเงินสดให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนมูลค่า 1.36 พันล้านบาท สำหรับ DIF และ 1.5 พันล้านบาท สำหรับกองทุนจะสร้างผลตอบแทนเป็นเงินสดในปี 2568 ที่ 0.86 บาท (อัตราตอบแทนเงินปันผลที่ 11.1%)

อย่างไรก็ตาม บล.กสิกรไทย จึงคงมุมมองที่เป็นบวกต่อกลุ่ม Telco IFF เนื่องจาก 1.) แผนรายได้ที่มั่นคงซึ่งได้รับจากผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง (TRUE สำหรับ DIF และ ADVANC สำหรับ 3BBIF) 2.) เป็นผู้ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง และ 3.) อัตราผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีในปี 2568-2569 และ Market IRR ที่น่าดึงดูดใจ

“คาดว่าสัญญาเช่า FOC ของ DIF จะได้รับการขยายเวลาออกไป พร้อมกับกระแสเงินสดสุทธิที่มั่นคงจนถึงปี 2586 นอกจากนี้ คาดสินทรัพย์เสาโทรคมนาคมของบริษัทจะถูกเช่าจนถึงช่วงเวลาเดียวกัน ภายใต้ ARR ที่ลดลง 25% เมื่อเทียบกับระดับปี 2576” บล.กสิกรไทย ระบุ

ทั้งนี้ หาก DIF สามารถต่ออายุสัญญาเช่ากับ TRUE ภายใต้รูปแบบ Perpetuity ราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ 10 บาท โดยมี Market IRR ที่ 10.2% ภายใต้กรณีสัญญาเช่าถูกต่อไปตลอด คาดว่าอัตราค่าเช่าเสาโทรคมนาคมจะลดลงอีก 23% ในปี 2587 และลดลง 40%

อย่างไรก็ตาม บล.กสิกรไทย เชื่อว่า DIF น่าจะเป็นผู้เล่นที่จะได้รับประโยชน์จากความเป็นไปได้ในการลดอัตราดอกเบี้ยจากวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาลง และโปรไฟล์ผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งขึ้น ทั้งนี้ คาดอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทุก ๆ 0.25% จะทำให้กำไรปกติ

Back to top button