“ชัยยศ” ชี้ตลาดรอนโยบาย “เฟด” แนะสอย PTT-IVL รับปัจจัยบวกต่างประเทศ

นายชัยยศ จิวางกูร มอง SET ระยะกลางถึงยาวสดใสแนะติดตาม Fed ลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ฟากความชัดเจนครม. และนโยบายเศรษฐกิจยังหนุนความเชื่อมั่นตลาด ส่วนกลยุทธ์ลงทุนแนะนำ PTT รับปัจจัยราคาน้ำมันพุ่งและ IVL จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจีน


นายชัยยศ จิวางกูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (17 ก.ย. 68) ระบุภาพรวมของดัชนี SET Index ระยะกลางถึงยาวยังมีแนวโน้มเชิงบวก ซึ่งปัจจัยหลักมาจากความคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 1 ครั้งในปีนี้

หากเป็นไปตามคาดการณ์จะเอื้อต่อการไหลเข้าของ เงินทุนต่างชาติ (Fund Flow) โดยเฉพาะในกลุ่มระบบเศรษฐกิจดั้งเดิม อาทิ ไทย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ที่ขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์การบริโภคภายในประเทศ ซึ่งจะได้รับประโยชน์อย่างชัดเจนจากภาวะดอกเบี้ยขาลง

อย่างไรก็ตาม ภาพระยะสั้นฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาสู่ระดับที่ถือว่า Overbought” ทำให้มีโอกาสเผชิญแรงขายทำกำไรหรือแกว่งตัวออกด้านข้างเพื่อปรับฐาน แต่ยังคงเน้นย้ำว่าภาพระยะกลางถึงยาวยังคงมีมุมมองเชิงบวก

สำหรับภาวะ Overbought ที่ผ่านมา หากยกตัวอย่าง คือ ช่วงเดือนสิงหาคม 2568 จะเห็นได้ว่าค่า Relative Strength Index หรือ RSI อยู่ในเขต Overbought ต่อเนื่องราว 2-3 สัปดาห์ ก่อนที่ตลาดจะปรับฐาน โดยครั้งนั้นดัชนี SET ปรับขึ้นไปแตะระดับประมาณ 1,285 จุด ก่อนอ่อนตัวลงมาบริเวณ 1,230 จุด

ดังนั้น ภาพที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีลักษณะคล้ายกัน คือ มีโอกาสที่จะพักฐานลงราว 30-40 จุด เพื่อเป็นการซับแรงขายและลดแรงกดดันจากการที่ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงจนเข้าสู่ภาวะ Overbought ก่อนที่จะค่อยๆ ฟื้นตัวอีกครั้งในระยะถัดไป

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่อยากให้นักลงทุนเฝ้าติดตามนอกจากประชุม Fed ในไตรมาสนี้ ไฮไลท์สำคัญ Fed Dot Plot ซึ่งสะท้อนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในช่วงถัดไป หาก Dot Plot แสดงว่าการลดดอกเบี้ยจะเกิดเพียงครั้งเดียว เนื่องจากความกังวลเรื่อง เงินเฟ้อสูง อาจส่งผลต่อตลาดโลกอาจปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไร แต่หาก Dot Plot ยังสอดคล้องกับการลดดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้งในปีนี้ ตลาดยังคงมีโอกาสฟื้นตัว

ส่วนปัจจัยสำคัญถัดมาที่นักลงทุนติดตาม คือ ความชัดเจนรายชื่อ คณะรัฐมนตรี (ครม.) เนื่องจากกระแสการจัดตั้งครม.ใหม่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นตลาดและการเคลื่อนไหวของหุ้น ซึ่งจะเห็นได้จากที่ผ่านมา อาทิ ข่าวกลับมาใช้โครงการ “คนละครึ่ง” หนุนให้กลุ่มค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภคให้ปรับตัวขึ้น นอกจากนี้ การนำเสนอนโยบายด้านอสังหาริมทรัพย์ เช่น การลงทุนหรือปล่อยเช่าคอนโด ก็สร้างแรงซื้อ

อีกทั้งกระแสข่าว สมาคมค้าปลีก เสนอแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่น e-Receipt ส่งผลให้หุ้นสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าแบรนด์เนมตอบสนอง ดังนั้น รายชื่อ ครม. และนโยบายใหม่ๆ จะเป็นไฮไลท์สำคัญเพราะหุ้นหลายตัวในตลาดได้ปรับตัวตอบรับความคาดหวัง

“ผมเชื่อว่ารัฐบาลเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ประชาชนเป็นหลัก จึงมุ่งเน้นการออกนโยบายที่ตอบโจทย์ตรงจุด เช่น การเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน รวมถึงกระแสการลดค่าไฟฟ้าเพื่อช่วยลดต้นทุนครัวเรือน ซึ่งรัฐบาลจำดำเนินมาตรการเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน” นายชัยยศ กล่าว

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์เลือก กลุ่มพลังงาน เป็นหลักเนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น 1.53% ปิดที่ 68.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล จากความตึงเครียดในยูเครนโจมตีท่าเรือส่งน้ำรัสเซีย ซึ่งส่งผลกดดันต่อ Supply ของน้ำมัน กลุ่มพลังงานจึงมีโอกาสเป็นตัวขับเคลื่อนดัชนี SET

หุ้นเด่นในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT โดยยังมีราคาเป้าหมาย IAA Consensus ที่ 35 บาท นอกจากนี้ ยังให้ความสนใจหุ้น China Play อาทิ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL เนื่องจากจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง และมีแนวโน้มได้รับประโยชน์จากนโยบายภาษีของสหรัฐที่ปรับขึ้นสำหรับสินค้าเช่น พลาสติก PET โดยโรงงานของ IVL ที่ตั้งอยู่ในหลายประเทศ รวมถึงสหรัฐ จะได้รับผลบวกจากมาตรการดังกล่าว

Back to top button