
“กรมทรัพยากรน้ำ” เกาะติดน้ำเหนือ–พายุ 3 ลูก เร่งคุมเจ้าพระยา ลดผลกระทบพื้นที่ลุ่มต่ำ
“กรมทรัพยากรน้ำ” เกาะติดสถานการณ์น้ำเหนืออย่างใกล้ชิด พร้อมชี้อิทธิพลพายุ 3 ลูกส่งผลกระทบทางอ้อมเพิ่มปริมาณน้ำสะสม พร้อมเร่งแผนบริหารจัดการเจ้าพระยา–บูรณาการข้อมูลเต็มรูปแบบ ลดผลกระทบน้ำท่วมภาคกลาง-ปริมณฑล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในปัจจุบันยังคงเป็นที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะปริมาณน้ำจากทางภาคเหนือที่ไหลลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากอิทธิพลของพายุหลายลูกที่พัดผ่านประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้สร้างผลกระทบจากอุทกภัยรุนแรงในวงกว้าง แต่ปริมาณฝนที่ตกสะสมในพื้นที่รับน้ำตอนบนของประเทศ ได้ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายหลักเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเฝ้าระวังและวางแผนการบริหารจัดการน้ำอย่างรัดกุม
ด้านนายธีระชุณ บุญสิทธิ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินงานของกรมทรัพยากรน้ำในการรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวว่า สภาวะอากาศของโลกในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ทุกภาคส่วนจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในการรับมือและปรับตัวอยู่เสมอ
“ต้องยอมรับว่าวันนี้โลกของเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป สภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปคือความท้าทายที่ทุกหน่วยงานต้องเผชิญ กรมทรัพยากรน้ำ ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจหลักในการดูแลบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ได้ตระหนักถึงประเด็นนี้เป็นอย่างดี จากอิทธิพลของพายุ 3 ลูกที่พัดผ่านประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา แม้จะไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพื้นที่ในความรับผิดชอบหลักของกรมฯ ทั้งหมด แต่ปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสมได้ไหลลงสู่แม่น้ำสายหลัก โดยเฉพาะแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลต่อการบริหารจัดการการระบายน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา ที่มีผลโดยตรงต่อพื้นที่ราบลุ่มในภาคกลาง รวมถึงจังหวัดนนทบุรีและพื้นที่ปริมณฑล” อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำกล่าว
อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ได้เน้นย้ำถึงกระบวนการทำงานที่อาศัยการบูรณาการข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญว่า “ภารกิจสำคัญยิ่งของกรมทรัพยากรน้ำในสถานการณ์เช่นนี้ คือการรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลสถานการณ์น้ำที่แม่นยำและเป็นปัจจุบันที่สุด ทั้งข้อมูลระดับน้ำ ปริมาณน้ำฝน และข้อมูลอุทกวิทยาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจัดทำรายงานและส่งต่อข้อมูลให้กับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในทุกๆ เช้า ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกนำไปรวมกับข้อมูลจากหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อใช้ในการประเมินสถานการณ์ภาพรวมของประเทศ และนำไปสู่กระบวนการตัดสินใจในการบริหารจัดการน้ำที่เหมาะสมและถูกต้องที่สุด”
นอกจากนี้ กรมทรัพยากรน้ำยังทำงานในลักษณะของภาคีเครือข่ายร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการสนับสนุนการทำงานของ “ทีมส่วนหน้า” ที่จัดตั้งขึ้นโดย สทนช. เพื่อเป็นหน่วยปฏิบัติการในพื้นที่เมื่อเกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งเป็นการทำงานเชิงรุกที่สามารถเข้าถึงพื้นที่และแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที
“กระบวนการทั้งหมดนี้ คือกลไกในการเฝ้าระวัง แจ้งเตือน และลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นกับพี่น้องประชาชน เราทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับพื้นที่จังหวัดนนทบุรีซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำและมีความอ่อนไหว เราคาดหวังและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะบริหารจัดการสถานการณ์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วม หรือหากได้รับผลกระทบ ก็จะเกิดขึ้นน้อยที่สุด” อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำกล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ กรมทรัพยากรน้ำยังคงติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำอย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งประสานงานกับจังหวัดและหน่วยงานในพื้นที่ เพื่อเตรียมความพร้อมตามแผนเผชิญเหตุ และขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารและประกาศเตือนจากทางราชการอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที