
DELTA เด้ง 5% รับดีมานด์ Data Center หนุน กำไร Q3 ฟื้นตัว โบรกแนะทยอยซื้อ เป้า 180 บ.
DELTA เด้งแรง 5% นักลงทุนเก็งกำไรต่อเนื่องจากแนวโน้มการลงทุน Data Center ในสหรัฐฯ หนุนรายได้ปี 68–69 โตต่อเนื่อง โบรกยังคงให้คำแนะนำทยอยซื้อ ราคาเป้าหมาย 180 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (1 ต.ค.68) ราคาหุ้น บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ณ เวลา 11:20 น. อยู่ที่ระดับ 167.00 บาท บวก 8.50 บาท หรือ 5.36% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 167.50 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 159.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.94 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PST ระบุในบทวิเคราะห็ว่า ในไตรมาสที่ 3/68 ของบริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA ว่าจะมีกำไรสุทธิราว 5,014 ล้านบาท ลดลง 15.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 8.3% จากไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยกดดันจากค่าเงินบาทเฉลี่ยที่แข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 32.3 บาทต่อดอลลาร์ ส่งผลให้รายได้ในรูปเงินบาทหดตัว
ขณะเดียวกันอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงเหลือ 24.6% ทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อน เนื่องจากการคำนวณต้นทุนมาตรฐานในรอบนี้ใช้ค่าเงินบาทแข็งค่า รวมถึงปีก่อนมีรายการกลับด้อยค่าสินค้า ทำให้ฐานกำไรสูงกว่าปกติ นอกจากนี้ รายได้จากธุรกิจ Infrastructure ซึ่งมีสัดส่วนราว 19% ของรายได้รวม และธุรกิจ Mobility ราว 22% ยังมีแนวโน้มชะลอตัวจากการส่งมอบงานไปแล้วในไตรมาสก่อน รวมถึงผลกระทบจากมาตรการภาษี Tariff 25% (Section 232) ที่ทำให้รายได้จากฝั่งสหรัฐฯ ชะลอลง แม้ตลาดยุโรปยังมีโครงการอยู่แต่ไม่สามารถชดเชยได้เต็มที่
อย่างไรก็ดี DELTA ยังคงได้รับแรงหนุนจากธุรกิจ Power Electronic ซึ่งเป็นธุรกิจหลักคิดเป็นสัดส่วนราว 56% ของรายได้รวม โดยอานิสงส์จากความต้องการศูนย์ข้อมูล (Data Center) ที่ยังแข็งแกร่งตามแผนของคู่ค้าระยะยาว ทำให้บริษัทคาดว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 1,364 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 11.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2.3% จากไตรมาสก่อน
โดยคิดเป็นรายได้ในรูปเงินบาทราว 44,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% จากปีก่อน และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.6% จากไตรมาสก่อน อีกทั้งสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A to sales) ลดลงเหลือ 12.7% ทั้งเมื่อเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุจากค่าใช้จ่ายคดีความที่หมดไปและการตั้งสำรองในไตรมาสก่อน รวมถึงค่าใช้จ่ายด้าน Royalty ลดลงตามยอดขายกลุ่ม EV car ที่ชะลอตัว
ในเชิงกลยุทธ์การเติบโต DELTA ยังคงมีทิศทางที่แข็งแกร่งจากการลงทุนขนาดใหญ่ในธุรกิจ Data Center และ AI ทั่วโลก โดยเฉพาะโครงการ Stargate ของ NVIDIA และ OpenAI ในสหรัฐฯ มูลค่า 1 แสนล้านดอลลาร์ ที่จะยกระดับไปสู่ Agentic AI และ AI Factory ซึ่งจะกลายเป็นส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจและเทคโนโลยีในอนาคต
อีกทั้งปัจจัยดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อ DELTA อย่างมาก โดยนักวิเคราะห์คาดว่าสัดส่วนรายได้ที่เกี่ยวข้องกับ AI ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 50% ภายในปีนี้ ขณะที่ลูกค้าหลักส่วนใหญ่อยู่ในตลาดสหรัฐฯ สำหรับกรณีภาษี Tariff ของไทยที่กำหนดไว้ 19% นั้น ลูกค้ายังสามารถยอมรับได้ โดย DELTA จะเป็นผู้ชำระภาษีล่วงหน้า และเมื่อลูกค้าดึงสินค้าออกจากคลังสินค้า (Hub) ไปใช้งาน จะมีการชำระคืนกลับมา ทำให้บันทึกเป็นรายได้อื่นในไตรมาสถัดไป
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของฟิลลิปยังคงคำแนะนำ “ทยอยซื้อ” โดยปรับเพิ่มราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 180 บาทต่อหุ้น อิงค่า P/E 100 เท่า ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา และสะท้อนการคาดการณ์รายได้ปี 2568–2569 ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามการขยายธุรกิจ AI และ Data Center ของบริษัท