
AURA ชูกลยุทธ์ Q4 เร่งขยายสาขา “ทองมาเงินไป” ดันพอร์ตครึ่งปีหลังแตะ 8 พันล้าน
AURA ชูกลยุทธ์ไตรมาส 4/68 เร่งขยายสาขาและธุรกิจขายฝากทอง ภายใต้แบรนด์ “ทองมาเงินไป” หลังราคาทองคำในประเทศทะลุ 60,000 บาท ย้ำยังเดินหน้าขยายเครือข่ายแบรนด์ AURORA, เซ่งเฮง และทองมาเงินไป ครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า ตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อขายฝากทองครึ่งปีหลังแตะ 7,500-8,000 ล้านบาท
ราคาทองคำ ในประเทศขยับขึ้นแรงต่อเนื่อง และทำสถิติใหม่ทะลุ 60,000 บาทต่อบาททองคำ เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ สะท้อนภาวะตลาดโลกที่มีแรงหนุนจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ค่าเงินบาท ที่มีแนวโน้มอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงที่หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐฯ จะถูกปิดทำการ (ชัตดาวน์)
นอกจากนี้ ข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเดินหน้าปรับลดอัตราดอกเบี้ย เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven)
ขณะที่ สมาคมค้าทองคำ เผยราคาทองเปิดตลาดเช้าวันที่ 1 ตุลาคม 2568 ราคาทองคำแท่งและทองรูปพรรณ ราคาเพิ่มขึ้น 1,000 บาท ณ เวลา 09.09 น. (ครั้งที่ 1)
ราคาทองคำแท่ง รับซื้อ 59,300.00 บาท ขายออกบาทละ 59,400.00 บาท
ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อ 58,108.28 บาท ขายออกบาทละ 60,200.00 บาท
ขณะที่ เวลา 15:59 น. (ครั้งที่ 14)
ราคาทองคำแท่ง รับซื้อ 59,450.00 บาท ขายออกบาทละ 59,550.00 บาท
ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อ 58,259.88 บาท ขายออกบาทละ 60,350.00 บาท
AURA หนึ่งเดียวสำหรับบริษัทในตลาดหุ้นไทยในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกทองรูปพรรณ เครื่องประดับเพชรและอัญมณี อย่าง บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) หรือ AURA ได้เปิดเผยข้อมูลในช่วงก่อนหน้านี้ว่า บริษัทฯ พร้อมเร่งเครื่องการเติบโตในไตรมาส 4/2568 ด้วยกลยุทธ์ขยายเครือข่ายสาขาเพื่อเข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย และรุกธุรกิจขายฝากทอง ภายใต้แบรนด์ “ทองมาเงินไป”
ทั้งนี้ AURA มี 2 กลุ่มธุรกิจหลัก คือ Gold Jewelry Business และ Gold Financing Business บริษัทวางแผนขยายเครือข่ายสาขา ภายใต้แบรนด์ AURORA, เซ่งเฮง, ทองมาเงินไป, AURORA Diamond และของขวัญ by AURORA ครอบคลุมฐานลูกค้าทุกเพศทุกวัยทั่วประเทศ โดยในไตรมาส 2/2568 บริษัทมีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 547 แห่ง เพิ่มขึ้นจาก 451 แห่งในช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนการเติบโตของเครือข่ายที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ รวมทั้ง การขยายในกลุ่มขายปลีกเครื่องประดับที่ไม่ใช่ทองคำ ที่มีอัตรากำไรดี
อีกหนึ่งในหัวใจสำคัญของการเติบโต คือ ธุรกิจ Gold Financing Business เดินหน้าขยายพอร์ตธุรกิจธุรกิจขายฝากทอง ภายใต้แบรนด์ “ทองมาเงินไป” ให้เติบโตก้าวกระโดดต่อเนื่อง ซึ่งมียอดลูกหนี้ขายฝากอยู่ที่ 6,572 ล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 และคาดพอร์ตสินเชื่อเร่งตัวขึ้นแตะระดับ 7,500 ล้านบาท ถึง 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายใหม่ที่ปรับขึ้นมาจากช่วงต้นปี
ขณะที่ ในปี 2567 มีบัญชีลูกหนี้ขายฝาก (AR balance) อยู่ที่ 4,881 ล้านบาท โดยยังคงรักษาความสามารถในการบริหารความเสี่ยงอย่างรอบคอบ นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ออกหุ้นกู้ระดมเงินมาเติมความพร้อมสร้างการเติบโตในธุรกิจขายฝากทองและบัญชีลูกหนี้ขายฝากจะเติบโตสอดคล้องกับความต้องการสภาพคล่องระยะสั้นช่วงเปิดภาคการศึกษาในไตรมาส 4/2568
อย่างไรก็ดี ในภาวะราคาทองที่ผันผวน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก และภูมิรัฐศาสตร์ ยังเป็นแรงส่งให้ความต้องการขายฝากทองและอุปสงค์ทองคำในภาพรวมมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง สำหรับตลาดสินเชื่อที่มีทองคำเป็นหลักประกันไทยมีขนาดกว่า 200,000 ล้านบาท ถือเป็นโอกาสในการขยายส่วนแบ่งตลาดของ AURA ในฐานะผู้เล่นรายสำคัญที่มีแบรนด์แข็งแกร่งและเครือข่ายสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังมุ่งเน้นในการบริหารจัดการอย่างใกล้ชิด และควบคุมความเสี่ยง จากความเชี่ยวชาญในธุรกิจ ทำให้มีการปรับกลยุทธ์ได้ทั้งฝั่งขาขายและขารับซื้ออย่างเหมาะสม
ทั้งนี้ AURA ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2568 มีรายได้รวม 17,690.4 ล้านบาท เติบโต 12.8% มีกำไรขั้นต้น 2,206.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.8% โดยอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยครึ่งปีแรกของปีนี้เทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 12.5% และ 11.9% ตามลำดับ ขณะที่ กำไรสุทธิอยู่ที่ 760.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน