
PR9-BDMS ท็อปพิก! ไร้กระทบ “ประกันสังคม” ไม่เพิ่มค่าบริการ
โบรกแนะนำลงทุน PR9-BDMS โดดเด่น ชี้ไม่ได้รับผลกระทบจากแนวโน้มรัฐบาลอาจไม่ปรับเพิ่มค่าบริการผู้ป่วยประกันสังคม เหตุสัดส่วนรายได้จาก สปส. ยังต่ำ ขณะที่รายได้หลักมาจากผู้ป่วยทั่วไปและต่างชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงาน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ได้พาลูกค้ากลุ่มสถาบันในประเทศเข้าพบกับ นางสุภิญญา รุ่งเรือง ผู้อานวยการกลุ่มงานมาตรฐานทางการแพทย์ สำนักงานประกันสังคม (สปส.) เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบประกันสังคมและโรงพยาบาลเอกชน
โดยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สปส. ปรับอัตราการบเบิกจ่ายค่าบริการทางการแพทย์สำหรับผู้ป่วยในด้วย โรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง หรือมีค่าน้ำหนักสัมพัทธ์ปรับตามวันนอน (Adj.RW) มากกว่าสอง ซึ่งส่งผลกระทบเชิงลบต่อโรงพยาบาลเอกชน ดังนั้น ลูกค้าบางรายจึงแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการปรับอัตราค่าบริการทางการแพทย์ต่อโรงพยาบาลเอกชนของไทยที่ให้การรักษาผู้ป่วยประกันสังคม
ขณะที่ ฝ่ายนักวิเคราะห์ เล็งเห็นความเสี่ยงที่ สปส. อาจไม่สามารถจ่ายค่าบริการทางแพทย์เต็มจานวนให้กับโรงพยาบาล สำหรับการรักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (Adj.RW > 2) ในปี 2569 เนื่องจากคณะรัฐมนตรีน่าจะไม่อนุมัติข้อเสนอของ สปส. ที่ให้ปรับเพิ่มเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมในอนาคตอันใกล้เพราะเศรษฐกิจไทยยังอ่อนตัว
ดังนั้น หากเงินสมทบไม่เพิ่มขึ้น ฝ่ายนักวิเคราะห์เชื่อว่าการที่ สปส. จะปรับขึ้นอัตราค่าบริการทางการแพทย์ให้แก่โรงพยาบาลน่าจะทำได้ยาก นอกจากนี้ สปส. ยังเพิ่มความเข้มงวดในการอนุมัติการรักษาโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหาร (bariatric surgery) และการรักษาโรคมะเร็งเพื่อป้องกันไม่ให้โรงพยาบาลใช้ประโยชน์จากระบบในทางที่ไม่เหมาะสม
จากข้อมูลที่พบรายได้จากผู้ป่วยใน โครงการประกันสังคม อาทิ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH คิดเป็น 37% ส่วน บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH คิดเป็น 28% ของรายได้รวมในไตรมาส 2 ปี 2568 ดังนั้นเมื่อเปรียบเทียบกับสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยประกันสังคมที่ 20% ของ บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM และเพียง 2% ของ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ในครึ่งแรกปี 2568 แล้ว ฝ่ายนักวิเคราะห์จึงเชื่อว่า BCH และ CHG มีความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราค่าบริการทางการแพทย์ของ สปส. มากกว่า
ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่า กลุ่มโรงพยาบาลไทย มีการประเมินมูลค่าลดลงจาก P/E ล่วงหน้า 12 เดือนที่ 24 เท่า ในสิ้นปี 2567 เหลือ 19 เท่า ในวันที่ 25 กันยายน 2568 ซึ่งสะท้อนความกังวลในหลายประเด็น เช่น การที่ผู้ป่วยจาก ตะวันออกกลาง และ กัมพูชา เข้ามาใช้บริการน้อยลง อีกทั้งจำนวนนักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ลดลงและการปรับลดค่าบริการทางการแพทย์
สำหรับการรักษาโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง (Adj.RW > 2) โดยฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่ากลุ่มโรงพยาบาลจะมี Downside risk หาก สปส. ปรับลดค่าบริการทางการแพทย์ของผู้ป่วยในด้วยโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง และผู้ป่วยชาวไทยเข้ามาใช้บริการน้อยลงเพราะหันไปใช้บริการสถานพยาบาลที่มีค่ารักษาถูกกว่าในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่ Upside risk น่าจะมาจากการปรับขึ้นอัตราค่าบริการทางการแพทย์ สำหรับผู้ป่วยประกันสังคมและการที่จำนวนผู้ป่วยชาวต่างชาติฟื้นตัว
อย่างไรก็ตาม มองว่ากลุ่มโรงพยาบาลยังมีการประเมินมูลค่าน่าสนใจเพราะซื้อขายที่ -1SD จากค่าเฉลี่ย 10 ปี โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มนี้ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยท่ามกลางความวุ่นวายทางการเมือง
ดังนั้น ฝ่ายนักวิเคราะห์จึงแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน (Overweight) ในกลุ่มนี้ โดยเลือก PR9 และ BDMS เป็นหุ้น Top pick เนื่องจาก PR9 ไม่ได้รับผู้ป่วยประกันสังคม ส่วนรายได้จากผู้ป่วยชาวต่างชาติยังอยู่ในขาขึ้นเนื่องจาก PR9 เริ่มรุกตลาดใหม่อย่างเช่น UAE, โอมานและบังกลาเทศ ขณะที่ BDMS มีรายได้จากผู้ป่วยประกันสังคมเพียง 2% ในครึ่งแรกปี 2568