FTREIT ปิดจ๊อบขายหุ้นกู้ 1.9 พันล้าน รายย่อยจองล้น 3 เท่า “ทริส” คงเรทติ้ง A

FTREIT ปิดดีลขายหุ้นกู้มูลค่า 1,900 ล้านบาท นักลงทุนจองซื้อเกิดเป้าหมายกว่า 3 เท่าตัว สะท้อนเชื่อมั่นศักยภาพดำเนินงานที่แข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าลงทุนทรัพย์สินที่ดิน อาคารโรงงานและคลังสินค้า ขณะที่ โอนซื้อทรัพย์สินรอบแรกสำเร็จรวมประมาณ 1,470 ล้านบาท ฟาก ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ ที่ระดับ “A” แนวโน้ม “คงที่”


ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ FTREIT ประสบความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 2/2568 จำนวน 3 ชุด รวมมูลค่า 1,920 ล้านบาท ได้แก่ อายุ 3.5 ปี อัตราดอกเบี้ยคิดลด 1.99% ต่อปี, อายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.55% ต่อปี และอายุ 7 ปี อัตราดอกเบี้ย 2.89% ต่อปี โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยจากการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ที่ 2.50% ต่อปี

นายภูมภาร อรุณธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์  FTREIT กล่าวว่า ยอดจองซื้อจากการเสนอขายหุ้นกู้สูงเกินกว่าเป้าหมายกว่า 3 เท่า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการบริหารจัดการที่แข็งแกร่งและศักยภาพของกองทรัสต์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปีงบการเงิน 2568 (ตุลาคม 2567 – มิถุนายน 2568) FTREIT มีรายได้รวม 3,161.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 188.7 ล้านบาท หรือ 6.3% กำไรจากการลงทุนสุทธิ 2,106.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 167.9 ล้านบาท หรือ 8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ขณะเดียวกัน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้คงอันดับเครดิตองค์กร และหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ FTREIT ที่ระดับ A” แนวโน้ม คงที่ ซึ่งนับเป็นอันดับความน่าเชื่อถือที่สูงสุดของกองทรัสต์เพื่ออุตสาหกรรมในไทย

สำหรับเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ครั้งนี้ จะนำไปใช้เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมของปี 2568 ซึ่งเป็นที่ดิน อาคารโรงงาน และคลังสินค้า รวม 36 ยูนิต พื้นที่เช่ารวม 78,075 ตร.ม. ของกลุ่ม บริษัทเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) โดยเมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา ผู้จัดการกองทรัสต์ได้ใช้เงินจากการเสนอขายหุ้นกู้ไปใช้ในการลงทุนรอบแรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมมูลค่าประมาณ 1,470 ล้านบาท และมีแผนเข้าลงทุนในทรัพย์สินส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2568

Back to top button