
THAI ร่วงต่อ 2% กังวลเปลี่ยนบอร์ด–เพิ่มเก้าอี้กรรมการเอื้อรัฐ
THAI ร่วงต่อ 2% ผวาเรียกประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM) มีข้อเสนอเพิ่มจำนวนกรรมการจาก 11 เป็น 15 คนTHAI ป่วนทำได้หรือไม่ “คลัง” ส่งสัญญาณจัดเป็นการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) กระฉ่อน “ณปกรณ์” โดนโหวตออก ส่วน “ปิยสวัสดิ์-ชาญศิลป์” ต้องลุ้นหนักแม้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการจนสำเร็จ แต่หวั่นเจอข้อครหาผลประโยชน์ทับซ้อน ฟาก “การบินไทย” มีเสียว! แผนเช่าเครื่องบินทดแทนลากยาว หลังปีนี้ปลดระวางรวดเดียว 9 ลำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (14 ต.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ณ เวลา 10:10 น. อยู่ที่ระดับ 10.70 บาท ลบ 0.20 บาท หรือ 1.83% สูงสุดที่ระดับ 10.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 10.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 138.20 ล้านบาท
สำหรับาหุ้น THAI ปรับตัวลงต่อเนื่อง จากเมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ราคาหุ้น THAI ปรับตัวลดลงอย่างหนัก มาปิดที่ 10.90 บาท ลดลง 5.22% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1,660 ล้านบาท จากความกังวลว่าภาครัฐอาจเข้ามาแทรงแซงการทำงานของการบินไทยเหมือนในอดีต หลังมีการเสนอให้เปิดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น (AGM) เป็นการเร่งด่วน เพื่อเสนอชื่อคณะกรรมการชุดใหม่ ทดแทนกรรมการที่หมดวาระ และการเพิ่มจำนวนกรรมการ จาก 11 คน เป็น 15 คน โดยกระทรวงการคลังจะเสนอรายชื่อกรรมการถึง 10 รายชื่อ พร้อมสับสนเสนอ AGM ซ้ำกันในปีเดียวอาจขัดต่อกฎหมายหรือไม่
นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า ตลอด 4 เดือนที่เริ่มทำงาน คณะกรรมการทุกคนล้วนเป็นมืออาชีพและทำงานเพื่อประโยชน์สูงสุดของการบินไทย พร้อมให้ความเชื่อมั่นว่าตราบใดที่ตนยังเป็นประธานจะไม่มีเรื่องทุจริตเกิดขึ้น ทุกอย่างต้องดำเนินไปอย่างโปร่งใส
ทั้งนี้มีความจำเป็นที่ต้องเสนอเพิ่มจำนวนคณะกรรมการบริษัทจาก 11 คน เป็น 15 คน เนื่องจากจำนวน 11 คนในปัจจุบันทำให้เกิด “ข้อจำกัด” ในการจัดตั้งคณะกรรมการชุดย่อยที่สำคัญ โดยปัจจุบันการบินไทยสามารถตั้งคณะกรรมการได้เพียง 2 ชุด คือคณะกรรมการตรวจสอบ และคณะกรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน เป็น 2 ชุด ที่ตั้งขึ้นตามข้อกำหนดของตลาดหลักทรัพย์สำหรับการเป็นบริษัทจดทะเบียน
ปัจจุบันรายชื่อที่อยู่ในการพิจารณามีทั้งสิ้น 17 คนที่มาจากการเสนอชื่อของกรรมการในการประชุม 9 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่ารายชื่อที่กระทรวงการคลังเสนอเข้าไปนั้นเป็น “มืออาชีพ” ส่วนใหญ่มาจากภาคเอกชนและมีราชการเพียงคนเดียวเท่านั้น
โดยหลังจากนั้นคณะกรรมการสรรหาจะพิจารณาและคัดเลือกตามเกณฑ์ที่เหมาะสม จำนวน 8 คนสุดท้าย และนำ เข้าคณะกรรมการชุดใหญ่ เพื่อพิจารณาเห็นชอบวันที่ 23 ต.ค.นี้ จากนั้นเสนอเข้าสู่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM)
สำหรับบอร์ดการบินไทยปัจจุบันมีทั้งหมด 11 คน ประกอบด้วย นายลวรณ แสงสนิท (ประธาน), ดร.กุลยา ตันติเตมิท, นายชาครีย์ บำรุงวงศ์, พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร, นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม, นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล, นายสัมฤทธิ์ สำเนียง, นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์, นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร, พล.อ.อ.อำนาจ จีระมณีมัย และ นายชาย เอี่ยมศิริ (ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าว น่าจับตาไปที่บอร์ด 3 คน คือ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์, นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร กรรมการ และนายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม ที่อาจต้องพ้นจากบอร์ด THAI โดยกรณีของนายปิยสวัสดิ์ และนายชาญศิลป์ ที่นั่งเป็นบอร์ดมายาวนานสุด และที่สำคัญทั้ง 2 คน เคยเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟูกิจการ THAI ที่ถือว่าได้สร้างผลงานโดดเด่นจนเป็นที่ประจักษ์กันดี แต่ด้วยความเป็นผู้บริหารแผนฟื้นฟู THAI มาก่อน จึงอาจถูกตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนและความเหมาะสมได้
ส่วนกรณีนายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กอล์ฟ DGA” ในฐานะประธานกรรมการสำนัก งานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (DGA) (ในยุครัฐบาลนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน) ที่เป็นผู้ดูแลงานโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” แต่ที่ผ่านมา โครงการดังกล่าวประสบความล้มเหลว ทำให้เกิดข้อกังขาถึงความรู้ความสามารถและความเหมาะสมที่จะนั่งเป็นบอร์ดการบินไทยต่อไป
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากกรณีมีข่าวเรื่องการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการบริษัท ขอเรียนชี้แจงว่า 1.) เพื่อเป็นการปฏิบัติตามที่กฎหมายและข้อบังคับกำหนดไว้ให้ครบถ้วน บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมการสำหรับการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ตามรูปแบบที่กำหนดในมาตรา 98 ของพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 (และที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) ที่จะต้องมีการเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาเลือกตั้งกรรมการแทนกรรมการที่ออกตามวาระตามที่กำหนดไว้
ในการนี้เพื่อให้เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีเกี่ยวกับการดูแลสิทธิผู้ถือหุ้น บริษัทได้มีการเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นเสนอระเบียบวาระการประชุมและเสนอชื่อบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่บริษัทกำหนด เพื่อเข้ารับการพิจารณาเลือกตั้งเป็นกรรมการของบริษัทในการประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าวเป็นการล่วงหน้า
2.) ปัจจุบันบริษัทจึงอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาและสรรหาบุคคลที่มีความเหมาะสม เพื่อเสนอชื่อบุคคลดังกล่าวต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อเข้ารับการพิจารณาเลือกตั้งเป็นกรรมการของบริษัท อาจเป็นกรณีการเลือกตั้งกรรมการที่ครบวาระกลับเข้าดำรงตำแหน่งอีกวาระหนึ่ง หรืออาจเป็นการเลือกตั้งบุคคลอื่น ๆ เพื่อเข้าเป็นกรรมการเข้าใหม่แทนที่กรรมการที่ครบวาระก็ได้
3.) โดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของบริษัทเป็นสำคัญ บริษัทยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาด้วยว่า ควรจะมีระเบียบวาระการประชุมเรื่องใดเพิ่มเติมเพื่อเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาด้วยหรือไม่
4.) เมื่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นสามัญ ประจำปี 2568 และมีมติอนุมัติระเบียบวาระการประชุมสำหรับการประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว บริษัทจึงจะดำเนินการเปิดเผยวันประชุมผู้ถือหุ้นและระเบียบวาระการประชุมพร้อมกันผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามที่ข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าด้วยเรื่องการเปิดเผยสารสนเทศและการปฏิบัติการใด ๆ ของบริษัทจดทะเบียนกำหนด ตลอดจนจัดส่งหนังสือเชิญประชุมให้แก่ผู้ถือหุ้นล่วงหน้าตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดต่อไป
แหล่งข่าวจากการบินไทย เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า แผนการเพิ่มจำนวนกรรมการจาก 11 ราย เป็น 15 ราย ยังมิได้มีการเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ THAI และมีมติออกมาอย่างชัดเจน แต่รับทราบกันแค่ในบรรดาผู้ถือหุ้นใหญ่เท่านั้น โดยคาดว่าจะมีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวในการประชุมคณะกรรมการ THAI วันที่ 23 ตุลาคมนี้ แต่กลับกำหนดให้ผู้ถือหุ้นสามารถเสนอชื่อบุคคลเพื่อเข้ารับการพิจารณาเลือกตั้งเป็นกรรมการได้จนถึงวันที่ 19 ตุลาคม 2568 เท่านั้น ทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่ทราบว่าจะมีการเพิ่มจำนวนกรรมการ จึงเกิดคำถามว่าเหตุใดผู้ถือหุ้นรายใหญ่มีสิทธิ์ที่จะรู้ก่อน สามารถเตรียมจัดหาบุคคลได้ก่อน ซึ่งไม่ยุติธรรม และควรให้ตำแหน่งกรรมการตามสัดส่วนการถือหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยด้วย
ทั้งนี้เห็นว่าคณะกรรมการ THAI ควรชะลอการกระทำดังกล่าวออกไป และไปจัดการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เดือนเมษายน 2569 จะเหมาะสมกว่า แม้ถึงเวลานั้นการแต่งตั้งกรรมการใหม่จากกระทรวงการคลังจะยังเกิดขึ้น แต่อย่างน้อยการที่คณะกรรมการ THAI ไม่เร่งรัดเรื่องนี้อย่างผิดสังเกตจะทำให้นักลงทุนเกิดความเชื่อมั่นและไม่รีบเทขายหุ้น โดยเฉพาะเมื่อสิ้นสุดช่วงเวลาที่กำหนดห้ามผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และผู้ที่เกี่ยวข้อง นำหุ้นของบริษัทออกขาย (Silent period) ระยะ 6 เดือน-1 ปี ซึ่งจะเริ่มมีหุ้นที่ทยอยพ้นเกณฑ์ดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2569
ส่วนกรณีปลัดกระทรวงการคลัง ออกมาชี้แจงว่าการเสนอเพิ่มจำนวนกรรมการ THAI จาก 11 คน เป็น 15 คนมีความจำเป็นเพื่อให้สามารถจัดตั้งคณะกรรมการชุดย่อยที่สำคัญ เช่น คณะกรรมการบริหารความเสี่ยงได้นั้น แหล่งข่าวจากนักวิเคราะห์ระบุว่า เชื่อว่าไม่มีความจำเป็น เพราะกรรมการชุดย่อยดังกล่าวสามารถตั้งจากกรรมการอิสระได้ ไม่จำเป็นต้องใช้กรรมการที่ไม่อิสระ และจำนวนไม่สำคัญเท่าความสามารถ เพราะสายการบินขนาดใหญ่ เช่น สิงคโปร์แอร์ไลน์มีกรรมการแค่ 10 คน ลุฟท์ฮันซ่ามีกรรมการแค่ 5 คนยังสามารถบริหารงานอย่างมีคุณภาพได้
:ปลดระวางเครื่องบิน 9 ลำ
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI เปิดเผยถึงแผนการปลดระวางเครื่องบิน 9 ลำในปีนี้ว่า ขณะนี้ยอมรับว่าการจัดเช่าเครื่องบินเพื่อมาทดแทนเครื่องบินทั้ง 9 ลำดังกล่าว ยังติดปัญหาอุปสรรค เนื่องจากก่อนหน้านี้ THAI ได้เจรจาเพื่อเช่าเครื่องบิน 9 ลำกับผู้ให้เช่าไว้แล้ว โดยเป็นการเช่าเครื่องบินลำตัวกว้าง (Wide-body aircraft) B777-300ER จำนวน 3 ลำ และ B787-9 จำนวน 6 ลำ แต่เนื่องจากตลาดการจัดหาเครื่องบินมีการแข่งขันสูงมาก ส่งผลให้มีสายการบินอื่นเสนอเงื่อนไขการเช่าที่ดีกว่า THAI ทางผู้ให้เช่าจึงเลือกทำข้อตกลงกับสายการบินอื่นไปแล้ว ดังนั้น THAI จึงต้องเร่งเจรจากับผู้ให้เช่าเครื่องบินรายใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองยังไม่ได้ข้อยุติโดยจะเป็นการเช่าเพิ่ม 8-10 ลำ ระยะสั้น 6 ปี
ทั้งนี้หากการเจรจาได้ข้อยุติที่เหมาะสมแล้ว THAI จะต้องเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ THAI พิจารณาเห็นชอบ หลังจากนั้นอีก 6 เดือน จึงจะเริ่มทยอยรับมอบเครื่องบินเช่าดังกล่าวเข้าสู่ฝูงบินของ THAI ได้ โดยคาดว่าจะเป็นกลางปี 2569 ส่วนจะเป็นเครื่องบินชนิดใดบ้างนั้นยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ แต่ทั้ง 8-10 ลำจะเป็นแบบลำตัวกว้างทั้งหมด เพื่อทดแทนเครื่องบินลำตัวกว้างที่ THAI ปลดระวางไป 9 ลำ
โดยยอมรับว่าปัญหาการเช่าเครื่องบินที่มีความล่าช้าดังกล่าว ได้กระทบแผนการดำเนินงานของ THAI ในเส้นทางบินภาพรวมทันที เนื่องจากขณะนี้ THAI ใช้กลยุทธ์ให้บริการเส้นทางบินแบบเครือข่าย (network) โดยนำผู้โดยสารเส้นทางบินระยะไกล (เส้นทางที่บินนานเกิน 6 ชั่วโมง : long haul) ที่ต้องใช้เครื่องบินแบบลำตัวกว้างให้บริการ มาส่งเข้าสู่เส้นทางบินระยะใกล้หรือเส้นทางบินในภูมิภาค (regional routes) เมื่อเครื่องบินลำตัวกว้างมีจำนวนลดลง และหาเครื่องบินมาทดแทนไม่ทันก็จะกระทบแผนการให้บริการแบบ network และกลายเป็นว่า THAI จะต้องไปแข่งขันในเส้นทางบินแบบจุดต่อจุด (point to point) กับสายการบินต้นทุนต่ำ (Low cost airline) ซึ่งไม่ใช่ตลาดเป้าหมายของ THAI
อย่างไรก็ตาม ปัญหาการจัดหาเครื่องบินลำตัวกว้างมาทดแทนดังกล่าว มิได้ส่งผลกระทบต่อเส้นทางบินสู่ประเทศจีน ที่ THAI วางแผนว่าตั้งแต่ต้นปี 2569 THAI จะปรับเพิ่มความถี่เส้นทางปักกิ่ง และกว่างโจว จาก 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เป็น 14 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ กลับไปเปิดบินเส้นทางเก่าที่เคยให้บริการ คือ เซี่ยเหมิน ฉงชิ่ง ฉางชา เส้นทางละ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ และเปิดบินเส้นทางใหม่ คือ อู่ฮั่น และเซินเจิ้น เส้นทางละ 7 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ขณะปัจจุบัน THAI บินสู่จีนทั้งหมด 5 เมือง คือ เซียงไฮ้ ปักกิ่ง เฉิงตู คุนหมิง กว่างโจว รวม 42 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เนื่องจากเป็นเส้นทางบินระยะสั้นที่ใช้เครื่องบินแบบลำตัวแคบ (Narrow-body aircraft) ซึ่งขณะนี้แผนการเช่าเครื่องบินลำตัวแคบของ THAI ยังคงรับมอบได้ตามเดิม คือ รับมอบเครื่องบิน A321neo อีก 2 ลำปลายปีนี้ และรับมอบอีก 15 ลำในปี 2569 รวมเป็น 18 ลำ
ส่วนช่วงวันหยุดยาวของประเทศจีนเพื่อเฉลิมฉลองวันชาติ (วันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี และมีการหยุดยาวต่อเนื่อง 7-8 วัน : Golden Week) ที่ผ่านมาล่าสุดนั้น จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นกว่าช่วงปกติ แต่มิได้มีนัยสำคัญ เนื่องจากเป็นการเพิ่มขึ้นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ
อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการไตรมาส 3/2568 (ก.ค.-ก.ย. 2568) ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจและเป็นไปตามแผน และเชื่อว่าผลประกอบการทั้งปี 2568 (ม.ค.-ธ.ค. 2568) THAI จะมีรายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ที่เกือบ 1.9 แสนล้านบาท