
GUNKUL จ่อจ่ายไฟเพิ่ม 835 MW ดันพอร์ตสีเขียวแตะ 1,260 เมกะวัตต์ โบรกแนะ “ซื้อ” 2.50 บ.
GUNKUL ผู้นำห่วงโซ่พลังงานครบวงจรของไทย เดินหน้าขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ 835 เมกะวัตต์ เตรียมจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ในเร็ว ๆ นี้ ส่งผลให้พอร์ตพลังงานสีเขียวรวมแตะ 1,260 เมกะวัตต์ ตอกย้ำจุดแข็งธุรกิจพลังงานสะอาดแบบบูรณาการต้นน้ำ–ปลายน้ำ นักวิเคราะห์คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท
GUNKUL เดินหน้าขยายโครงการพลังงานสีเขียว หลังปรับโครงสร้างธุรกิจและเดินหน้าขยายพอร์ตโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดครบวงจร กำลังผลิตรวมแตะ 1,260 เมกะวัตต์ หนุนผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท
GUNKUL ผู้นำห่วงโซ่พลังงานครบวงจรของประเทศไทยเติบโตจากกำลังการผลิตใหม่ที่รอจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ 835 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีพอร์ตโฟลิโอของการผลิตพลังงานสีเขียวทั้งหมดอยู่ที่ 1,260 เมกะวัตต์
GUNKUL มีความแข็งแกร่งอยู่ที่ห่วงโซ่ด้านพลังงานสะอาดแบบบูรณาการต้นน้ำ-ปลายน้ำ
คงคำแนะนำซื้อและราคาเป้าหมายที่ 2.50 บาท
บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL ผู้นำห่วงโซ่พลังงานครบวงจรของประเทศไทย เดินหน้าสู่ยุคแห่งการเติบโตรอบใหม่ หลังจากมีกำลังการผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดที่ลงนามสัญญาครบถ้วนแล้วรวม 835 เมกะวัตต์ ซึ่งเมื่อรวมกับกำลังการผลิตปัจจุบัน จะส่งผลให้พอร์ตโฟลิโอพลังงานสีเขียวของบริษัทแตะระดับ 1,260 เมกะวัตต์
นักวิเคราะห์รายหนึ่งประเมินว่า GUNKUL ยังคงมีความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำด้าน ห่วงโซ่พลังงานสะอาดแบบบูรณาการครบวงจร ทั้งต้นน้ำ–กลางน้ำ–ปลายน้ำ ซึ่งแตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นในประเทศ และเป็นปัจจัยหนุนสำคัญให้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกมิติ
ภายใต้การบริหารงานของ นางนฤชล ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GUNKUL ได้วางยุทธศาสตร์ใหม่ที่มุ่งสู่การ “Transform” องค์กรใน 3 แกนหลัก ได้แก่ 1.)Build Business Muscles – เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจด้วยโมเดลแบบครบห่วงโซ่ ตั้งแต่ผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า (ต้นน้ำ) รับเหมาก่อสร้างระบบไฟฟ้า (EPC กลางน้ำ) และผลิตไฟฟ้า (ปลายน้ำ) 2.)Trim Operational Fat – ลดต้นทุนและหาพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เพื่อขยายกำลังผลิตทั้งในและต่างประเทศ พร้อมปลดล็อกภาระหนี้
3.)Create Stakeholder Impact – เน้นสร้างคุณค่าร่วมแก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผ่านศักยภาพ Economies of Scale, Scope และ Speed ที่มีอยู่ในองค์กร
ทั้งนี้นักวิเคราะห์มองว่าการปรับโครงสร้างเชิงกลยุทธ์ครั้งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ GUNKUL หลังจากผ่านช่วงเวลาที่ราคาหุ้นผันผวน จากการจ่ายปันผลเป็นหุ้น (Stock Dividend) ติดต่อกันถึง 7 ครั้งในช่วงปี 2555–2562 ทำให้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 4.5 เท่า ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มจาก 90 ล้านบาทในปี 2554 เป็น 2,100 ล้านบาทในปี 2562 แต่กำไรต่อหุ้น (EPS) กลับลดลง เนื่องจากจำนวนหุ้นในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่า จากโครงการผลิตไฟฟ้าที่รอจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) รวม 835 เมกะวัตต์ จะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้กำไรสุทธิของ GUNKUL เติบโตต่อเนื่องจาก 1.7 พันล้านบาทในปี 2567 สู่ 3.1 พันล้านบาทในปี 2573 หรือเติบโตเฉลี่ยราว 11% ต่อปี ภายใต้สมมติฐานเชิงอนุรักษ์นิยม
นอกจากนี้ ทิศทางนโยบายพลังงานของภาครัฐที่เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น ทั้งโครงการ โซลาร์ฟาร์มชุมชน 1.5 กิกะวัตต์ และแนวโน้มการเปิดเสรี Private PPA – Direct PPA Model จะเป็นปัจจัยบวกต่อการเติบโตในระยะยาวของบริษัท
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ยังคงแนะนำ “ซื้อ” GUNKUL ที่ราคาเป้าหมาย 2.50 บาท โดยเชื่อว่าบริษัทกำลังเข้าสู่ “S-Curve การเติบโตระลอกใหม่” จากแผนขยายกำลังการผลิตและการดำเนินงานเชิงรุกในธุรกิจพลังงานสะอาด ซึ่งจะเป็นฐานรายได้สำคัญของ GUNKUL ในระยะยาว