
TOA รุกตลาด “Smart Toilet” ในไทย แย้มปีหน้าเปิด 200 สาขา มั่นใจรายได้ปีนี้ 2.1 หมื่นล้าน
TOA จับมือ JOMOO ลุยตลาดสุขภัณฑ์ “Smart Toilet” เปิดโชว์รูม Smart Bathroom Solution ใจกลางสุขุมวิท 26 พร้อมแผนขยายสาขาเป็น 150–200 แห่งภายในปี 69 และเพิ่มเป็น 300 สาขาในปี 70 มั่นใจรายได้ปีนี้แตะ 2.1 หมื่นล้านบาท
นายจตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า จัดงานเปิดตัวโชว์รูม “Smart Bathroom Solution” ครบวงจรแห่งแรกอย่างยิ่งใหญ่ ใจกลางสุขุมวิท 26 พร้อมนำ สุขภัณฑ์อัจฉริยะ “X-Series” เป็นสินค้าเรือธงในประเทศไทยแห่งแรก เป็นแบรนด์สุขภัณฑ์ชื่อดังจากประเทศจีน เพื่อขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดสุขภัณฑ์ เป็นแบรนด์สุขภัณฑ์ 1 ใน 3 อันดับแรกของจีน และเป็นแบรนด์ภายในประเทศ (Domestic Brand) ที่ใหญ่ที่สุด
ด้านตลาดสุขภัณฑ์ไทยโดยรวม มีมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท และเติบโตประมาณ 20% โดย TOA จะเน้นทำตลาด Smart Toilet ซึ่งเชื่อว่าเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต และมีศักยภาพการเติบโตสูง โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักจากภาคอสังหาริมทรัพย์ การท่องเที่ยว และความต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภค
ทั้งนี้ การผนึกกำลังกับ JOMOO จะช่วยให้สินค้า Smart Toilet เข้าถึงทั้งผู้บริโภคทั่วไปและโครงการอสังหาฯ ชั้นนำได้เร็วขึ้น ตั้งเป้ายอดขายกลุ่มสุขภัณฑ์ 200 ล้านบาทภายใน 3 ปี (2569–2571) หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาดราว 1% พร้อมแผนขยายสาขาเป็น 150–200 แห่งภายในปี 2569 และเพิ่มเป็น 300 สาขาในปี 2570
โดย JOMOO ในฐานะพันธมิตรหลัก มุ่งทำธุรกิจสุขภัณฑ์เพียงอย่างเดียว โดยเฉพาะ Smart Toilet ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้จำหน่ายรายใหญ่ของโลก ครอบคลุมสินค้าทุกระดับราคาตั้งแต่ต่ำกว่า 10,000 บาทจนถึงรุ่นไฮเอนด์กว่า 150,000 บาท สอดรับความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีจากจีนที่กำลังได้รับการยอมรับมากขึ้น
สำหรับการเปิดตัวโชว์รูม TOA I JOMOO แห่งใหม่ ณ ใจกลางสุขุมวิท 26 บนพื้นที่กว่า 460 ตารางเมตร ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อตอบโจทย์แนวคิด SMART & Digital Intelligence Bathroom อย่างเต็มรูปแบบ ด้วยผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงกว่า 300 รายการ
อย่างไรก็ดี TOA มุ่งมั่นขับเคลื่อนธุรกิจ Smart Toilet ด้วยกลยุทธ์สำคัญ 3 ด้าน ได้แก่ 1. ขยายเครือข่ายเข้าถึงผู้บริโภค: เดินหน้าขยายเครือข่ายร้านตัวแทนจำหน่าย 2. ยกระดับประสบการณ์งานโครงการ เน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในด้านดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งาน และ 3. บริการหลังการขายครบวงจร: มุ่งเน้นการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้ลูกค้า ด้วยบริการหลังการขาย (After-Sales Service) ครบวงจร พร้อมทีมสนับสนุนและอะไหล่สำรอง (Spare Parts) เพื่อการดูแลอย่างต่อเนื่อง
“บริษัทคาดการณ์รายได้ปี 2568 เติบโตเล็กน้อยใกล้เคียงจากฐานปี 2567 อยู่ที่ระดับ 21,357.16 ล้านบาท ขณะที่แผนปี 2569 จะเน้นเพิ่มกำลังการผลิต และการขยายสาขา โดยพัฒนาและยกระดับสิ่งที่มีอยู่มากกว่าการเริ่มโครงการใหม่จำนวนมาก” นายจตุภัทร์ กล่าวปิดท้าย

