“เอกนิติ” เปิดควิกบิ๊กวิน Thairath Forum 2025 หนุนเศรษฐกิจ SAM–เอสเอ็มอี

ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และ รมว.คลังเผยสัปดาห์หน้าเริ่มโครงการให้ SAM ซื้อหนี้เสียประชาชนจากธนาคาร และให้ธนาคารออมสินเติมเงินให้ประชาชน ให้ BOI สนับสนุนคนละครึ่งให้เอสเอ็มอีพัฒนาวิจัยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตงาน Thairath Forum 2025 The Next New Economy เปิดเวทีแห่งอนาคตของเศรษฐกิจไทย


ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาล 4 เดือน ตอนนี้เหลือเวลา 3 เดือน จะทำอย่างไรให้เกิด The Next New Economy แม้ยากแต่มีโอกาสแต่สามารถวางรางฐานให้ถูกต้อง โดยต้องเกาถูกทีคัน ต้องเข้าใจปัญหาเศรษฐกิจไทยโตจากบุญเก่าในปี 1970 อีสต์เทิร์นซีบอร์ด ท่าเรือและสนามบินมาบตาพุด มีการย้ายฐานการผลิต มีนิคมอุตสาหกรรมมาก แต่โลกเปลี่ยนเร็วแต่ไทยไม่ได้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานมานาน เราเหลือการลงทุนอยู่ที่ 20% ของ GDP จากเดิมเคยลงทุน 40% ของ GDP สัดส่วนการส่งออกที่เคยอยู่ 30-40% ขึ้นไป 60% คนไทยอายุมากขึ้นและมีปัญหาหนี้ที่แก้ไม่หมด ทำให้มีการกู้เงินหนี้นอกระบบ ครึ่งปีแรกเศรษฐกิจโต 3% เราต้องการส่งออกไปก่อนภาษีทรัมป์มีผล คาดโตเฉลี่ยทั้งปี 2% โดยไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 0.3% เราต้องหยุดการดิ่งเหว

ควิกบิ๊กวิน ต้องยอมรับความจริงว่ามีเวลาแค่ 4 เดือน และต้องใหญ่พอยกเศรษฐกิจไม่ให้ดิ่งเหว และเกิดการกระจายตัว ลดความเหลื่อมล้ำ แม้ระยะสั้นก็ต้องแก้ไปด้วย จะมีนโยบายเศรษฐกิจที่ทุกกระทรวงใช้ด้วยกัน “กระตุ้นสั้น ได้ผลยาว กระจายตัว” 5 เสาหลัก ต้องสร้างบ้านใหม่ให้เมืองไทย และมี 1 ฐานราก ประกอบด้วย เสา1 ไม่ดิ่งเหว เสา2 แก้หนี้ครัวเรือนและสร้างรากฐานให้เริ่ม เสา3 ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีกระทบหนัก ต้องดูแลสภาพคล่องและพยายามให้ปรับเปลี่ยนไปสู่เศรษฐกิจใหม่ เสา4 การออม คนไทย 1 ใน 5 จะเป็นคนที่อายุเกิน 60 ปี และมีระบบการออมรองรับคนหลังเกษียณ และเสา5 การลงทุนเพื่อสร้างอนาคต New Economy และฐานรากที่น่าเป็นห่วงคือ วินัยทางการคลัง นโยบายต้องมีความรับผิดชอบชี้แจงต้นทุนและการทำงานให้โปร่งใสชัดเจน

เรื่องของงบประมาณต้องคืนหนี้ ธกส.คืนทันที 3 หมื่นล้านบาท คืนหนี้เก่าเท่าที่เรามี และฟื้นเศรษฐกิจระยะสั้น ทำบัตรสวัสดิการคนจนเพื่อใช้ในธงฟ้า (ไม่ใช้งบประมาณใหม่) ฟื้นเศรษฐกิจระยะสั้นในสัปดาห์แรกของการมีรัฐบาลชุดนี้ ส่วนสัปดาห์ที่ 2 ของรัฐบาล ทำโครงการคนละครึ่งพลัส ชัดเจนว่าใช้ระบบดิจิทัลของธนาคารกรุงไทย ไม่ต้องไปสร้างระบบใหม่ ลดรายจ่ายประชาชน ร้านค้าให้เฉพาะรายเล็ก 8.8 หมื่นล้านบาท กระตุ้นได้ทันที

สัปดาห์ที่ 3 ทำท่องเที่ยวเมืองหลักเมืองรอง และความมั่นคง แต่ในเชิงเศรษฐกิจท่องเที่ยวติดลบ 8-9%ก็ดูดีมานต์ยังพอมีอะไรเหลืออยู่ การจับจ่ายใช้สอย ภาษีมูลค่าเพิ่ม งบอบรมสัมมนาปกติใช้ช่วงสุดท้ายของงบประมาณ ไม่ต้องไปรอตอนนั้น ต้องทำในช่วงต้นที่รัฐบาลต้องการ ต้องแบ่งงบมา 60% ดำเนินการทันที และสนับสนุนภาคเอกชนพัฒนาโรงแรมเมืองรอง โดยมีธนาคารออมสินปล่อยกู้ซอฟต์โลน

จะปลดล็อคในช่วงสัปดาห์หน้า ขับเคลื่อนหนี้ครัวเรือน หนี้สะสมในอดีต จะใช้แหล่งเงินและคุณสู้เราช่วย นำเงินนำส่งกองทุนฟื้นฟูฯ 2 หมื่นล้านบาทไปซื้อหนี้ออกมา จะนำอารีย์สกอมาใช้งานร่วมกับ SAM และเอสเอ็มอีจะต้องหาหลักประกันให้ธนาคารกล้าปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ถ้ามีห่วงโซ่อุปทานการผลิต (ซัพพลายเชน) เอาเทคโนโลยีของ ธปท.และสมาคมธนาคารไทย มาเปิดเผยข้อมูลในออมบิส และจะให้บีโอไอ สนับสนุนแบบคนละครึ่ง เพื่อเพิ่มงานวิจัยในการพัฒนาประสิทธิภาพการผลิต เปิดให้ประชาชนซื้อพันธบัตรได้ทุกเดือน เพิ่มแหล่งเงินออมแก่คนสูงอายุ

ตลาดทุน จะปฏิรูปภาษีและทำกองทุน IFA ให้เขาเลือกเอง เน้นรีสกิวคนระดับรากหญ้า จำนวน 1 หมื่นล้านบาท ให้คนต่างชาติที่ได้บีโอไอแจ้งความประสงค์บุคลากรที่ขาดทักษะ จะไปจ้างคนมาเรียนหลักสูตรเพื่อมีงานรองรับ เป้าหมาย 1 แสนคน

เรื่องพลังงานสะอาด มีปัญหาน้ำและไฟ มี PPA ทำโฟลท์ติ้งโซล่า เรามีกองทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ มีการเซ็นสัญญา 3 เขื่อน ใช้เครื่องมือการลงทุน เอาเอกชนมาร่วมลงทุนภาครัฐ ลดภาระรัฐเกิดการลงทุนใหม่

ทั้งนี้ BOI เกิดการลงทุน 470,000 ล้านบาท ที่เหลือติดปัญหา จึงขอทำโครงการเร่งด่วน ใช้กฎหมาย พรบ.อำนวยความสะดวก เหมือนทางด่วนที่จ่อคิว เกิดการลงทุนใหม่ ปลดล็อคน้ำ ไฟ กระบวนการไหนติดขัด จะผ่าตัดทันที ส่วนอะไรที่ต้องรอรัฐบาลใหม่ส่วนนั้นก็รอไป

ที่มา: ไทยรัฐ (Thairath Forum 2025: The Next New Economy)

Back to top button