OSP ร่วง 4% เซ่นโบรกชี้กำไร Q3  ต่ำคาด เหตุกำลังซื้อหดตัว

OSP ร่วง 4% โบรกฯ ปรับลดประมาณการ Q3/68 คาดกำไรหดตัวแรง เหตุรายได้ถูกกดดันจากปัจจัยฤดูกาลและตลาดภูมิภาค พร้อมแนะ “ถือ” รอจังหวะ ตั้งรับท่ามกลางแรงขายระยะสั้น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 ต.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ณ เวลา 11:07 น. อยู่ที่ระดับ 16 บาท ลบ 0.60 บาท หรือ 3.61% ราคาสูงสุดอยู่ที่ 16.50 บาท ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 15.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 87.84 ล้านบาท

 

บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS ออกบทวิเคราะห์ถึงหุ้น OSP โดยระบุว่า แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 3/68 น่าจะใกล้เคียงที่นักวิเคราะห์เคยคาดไว้ที่ 694 ล้านบาท ลดลง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ปัจจัยหนุนมาจากค่าใช้จ่ายที่ลดลงและอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวขึ้น ขณะที่รายได้รวมยังคงลดลง 16.6% จากไตรมาสก่อน และลดลง 6% เมื่อเทียบงวดเดียวของปีก่อน

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/68 อาจฟื้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามฤดูกาล แต่โดยรวมยังไม่ตื่นเต้น เพราะกำลังซื้อยังฟื้นช้า นักวิเคราะห์ยังคงประมาณการกำไรปกติปี 68 โต เพิ่มขึ้น 11.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน คงราคาเป้าหมาย 20 บาท แนะนำ “ถือ”

ด้าน บริษัท หลักทรัพย์ ลิเบอเรเตอร์ จำกัด หรือ LIB ปรับลดประมาณการลงจากการเติบโตของ OSP ที่ลดลง ใช้ราคาเหมาะสมปีหน้าที่ 20.70 บาท จากเดิม 23.25 บาท ไตรมาส 3/68 คาดกำไรสุทธิหดตัวแรง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาล และจากปีก่อนขาดทุน โดยผลการดำเนินงานจะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาดจากผลกระทบทั้งตลาดต่างประเทศที่ได้รับผลจากปัจจัยฤดูกาล และของใช้ส่วนบุคคลยอดขายต่ำกว่าคาด นักวิเคราะห์คาดยอดขายรวมอยู่ที่ 5,810 ล้านบาท หด 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ ลดลง 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ดังนี้

ในส่วนกลุ่มเครื่องดื่ม (สัดส่วน 84%) คาดยอดขาย 4,793 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยในประเทศยังเติบโตได้ทั้ง เมื่อเทียบกับปีก่อน และ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ทั้งจากเครื่องดื่มชูกำลังและกลุ่ม Functional drink ขณะที่ต่างประเทศคาดยอดขายจะหดตัว 13% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ ลดลง 55% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากปัจจัยฤดูกาล รวมถึงการปิดด่านในเมียนมา, ปัญหาความไม่สงบในอินโดนีเซีย และปัญหาในกัมพูชา

กลุ่มของใช้ส่วนบุคคล : (สัดส่วน 11%) คาดยอดขายอยู่ที่ 667 ล้านบาท หด 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 8% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ยอดขายกลุ่มนี้ต่ำ กว่าที่เคยคาดจากการแข่งขันที่มากในประเทศ ขณะที่ตลาดต่างประเทศได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่กล่าวข้างต้น เช่นกัน ส่วนตลาดใหม่ ๆ อย่างเวียดนามแม้ยังเติบโตแต่ไม่สามารถ ชดเชยการอ่อนตัวของยอดขายในตลาดหลักได้

อัตรากำไรขั้นต้น คาด 38.4% ดีขึ้นจาก 36.1% ในไตรมาส 3/67 จากราคาวัตถุดิบที่ลดลง แต่ลดจาก 41.9% ในไตรมาส 2/68 จากสัดส่วนยอดขายในต่างประเทศ และยอดขายของใช้ส่วนบุคคลที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงลดลง

ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร ยังควบคุมได้ดีและใช้อย่างเหมาะสม ทำให้ค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายใกล้เคียง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ที่ 24.4% แต่ลดจาก 26% ในไตรมาส 3/67 คาดกำไรปกติอยู่ที่ 698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ ลดลง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และ คาดไม่มีรายการพิเศษทำให้มีกำไรสุทธิ 698 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 293% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ ลดลง 31% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เนื่องจากปีก่อนมีตัดด้อยค่าเงินลงทุนเกิดขึ้น

“แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/68 อาจดูน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์เคยคาด ไปจากปัจจัยแวดล้อมหลายอย่างที่ทำให้ไม่เป็นดังคาด แม้ภาพ ไตรมาส 4/68 จะฟื้นตัวแต่อาจไม่เด่นมากนัก สิ่งที่ OSP ยังทำได้ดีคือการคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ นักวิเคราะห์ชอบน้อยลง แต่ยังถือว่าราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E68 ที่ 13.6 เท่า  ไม่แพงหากเทียบกับกลุ่ม และผลตอบแทนเงินปันผล 6.0% ต่อปีเน้นตั้งรับจะดีกว่าในเวลานี้”

Back to top button