“ยุโรป” เฝ้าระวัง! ไข้หวัดนกระบาดรุนแรง สั่งกักสัตว์ปีกนับล้านป้องกันเชื้อแพร่

“ยุโรป” เผชิญการระบาดของไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูง (HPAI) หลายประเทศรวมถึงไอร์แลนด์ออกคำสั่งกักกันสัตว์ปีก หลังพบเชื้อแพร่กระจายเร็วกว่าทุกปี ขณะที่เยอรมนีและโปแลนด์พบฟาร์มติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่อง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การระบาดของเชื้อไข้หวัดนกที่รุนแรงยิ่งขึ้นในหลายประเทศทั่วทวีปยุโรป ส่งผลให้รัฐบาลหลายชาติออกมาตรการกักกันสัตว์ปีกนับล้านตัวให้อยู่ในที่ร่ม เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อจากนกป่าที่อาจเป็นพาหะ โดยล่าสุด ไอร์แลนด์ได้ประกาศใช้มาตรการดังกล่าว หลังพบการระบาดในประเทศเป็นครั้งแรกในรอบสามปี

เชื้อไข้หวัดนกชนิดรุนแรงสูง (Highly Pathogenic Avian Influenza: HPAI) ยังคงเป็นภัยคุกคามต่ออุตสาหกรรมสัตว์ปีกทั่วโลก โดยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีสัตว์ปีกหลายร้อยล้านตัวเสียชีวิตจากเชื้อดังกล่าว อีกทั้งยังถูกตรวจพบในโคนมของสหรัฐอเมริกา ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมต่อห่วงโซ่อาหารและราคาสินค้าเกษตรให้ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงมีความเสี่ยงในการแพร่กระจายสู่มนุษย์

สมาคมเกษตรกรสัตว์ปีกแห่งไอร์แลนด์ (Irish Farmers’ Association National Poultry Committee) แสดงความกังวลต่อแนวโน้มการระบาดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปีนี้ โดยชี้ว่าการควบคุมและป้องกันโรคเป็นไปได้ยากขึ้น เนื่องจากรูปแบบและพื้นที่การแพร่กระจายเปลี่ยนแปลงจากเดิม

นอกจากไอร์แลนด์แล้ว ฝรั่งเศส สหราชอาณาจักร เนเธอร์แลนด์ และเบลเยียม ต่างประกาศใช้มาตรการกักกันสัตว์ปีกเช่นกัน เพื่อป้องกันการสูญเสียในภาคการผลิต โดยข้อมูลจากสหภาพยุโรประบุว่า ขณะนี้มี 15 ประเทศจากทั้งหมด 27 ประเทศ พบการระบาดในฟาร์มแล้ว รวม 688 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วซึ่งมีเพียง 189 ครั้ง โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่เป็นฤดูกาลอพยพของนกป่า ซึ่งเป็นช่วงที่ความเสี่ยงการแพร่ระบาดสูงสุด

เยอรมนีเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดในยุโรป โดยมีรายงานฟาร์มติดเชื้อแล้ว 58 แห่ง ระหว่างเดือนสิงหาคมถึงตุลาคม เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่พบเพียง 8 แห่ง ข้อมูลจากเครือข่ายเฝ้าระวังสุขภาพสัตว์ฝรั่งเศสระบุว่า มีสัตว์ปีกถูกทำลายไปแล้วกว่า 1 ล้านตัว แม้ยังไม่มีคำสั่งกักกันทั่วประเทศ แต่หลายรัฐได้เริ่มบังคับใช้มาตรการแล้ว

ด้านโปแลนด์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตสัตว์ปีกรายใหญ่ที่สุดของยุโรป พบการระบาดแล้ว 15 ครั้งในปีนี้ แม้ยังไม่มีคำสั่งกักกันทั่วประเทศ แต่หน่วยงานกำกับดูแลอยู่ระหว่างพิจารณามาตรการเพิ่มเติมเพื่อจำกัดความเสี่ยงของการแพร่กระจายเชื้อ

Back to top button