ASK กำไรไตรมาส 3 พุ่ง 77% รับเก็บหนี้เพิ่ม-ตั้งสำรองลด

ASK โชว์กำไรไตรมาส 3/68 จำนวน 104.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 77.07% จากปีก่อน เหตุลดการตั้งสำรองขาดทุนด้านเครดิต-เก็บหนี้ดีขึ้น เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 104.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.30 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 77.07 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 58.78 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากการลดลงของค่าใช้จ่ายสำคัญ ได้แก่ ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและการด้อยค่าของสินทรัพย์รอการขาย เนื่องจากการเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและคุณภาพของลูกหนี้ใหม่ที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมียอดรายได้รวม 1,354.19 ล้านบาท ลดลง 221.69 ล้านบาท หรือร้อยละ 14.07 จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,575.88 ล้านบาท ขณะเดียวกันยอดสินเชื่อใหม่ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 3,710.33 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 28.42 จากปีก่อน สาเหตุจากภาวะชะลอตัวของตลาดรถบรรทุกและกำลังซื้อที่ยังอ่อนแอ รวมถึงนโยบายเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ส่งผลให้พอร์ตสินเชื่อรวมลดลงจาก 72,337.74 ล้านบาท เหลือ 60,732.89 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 16.04

ในส่วนของรายได้หลัก รายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อเช่าซื้ออยู่ที่ 1,025.65 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 14.44 จากการหดตัวของพอร์ตเช่าซื้อ ขณะที่รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าการเงินอยู่ที่ 19.68 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.55 และรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้กู้ยืมอยู่ที่ 157.31 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22.64 สอดคล้องกับแนวโน้มสินเชื่อที่ลดลง

รายได้ค่าบริการจากธุรกิจนายหน้าประกันอยู่ที่ 53.30 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 31.19 จากปริมาณสินเชื่อใหม่ที่ลดลง อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจการขายไฟฟ้าเติบโตโดดเด่น อยู่ที่ 36.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 81.52 จากการขยายตัวของธุรกิจผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar PPA)

ด้านค่าใช้จ่าย ต้นทุนขายและบริการเพิ่มขึ้นเป็น 28.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 67.47 ตามการขยายตัวของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 291.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 2.65 ส่วนผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและการด้อยค่าของสินทรัพย์รอการขายลดลงเหลือ 431.11 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 33.55 จากการเก็บหนี้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและลูกหนี้ใหม่มีคุณภาพดีขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีการตั้งสำรองลดลง ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลงเหลือ 473.65 ล้านบาท หรือลดลงร้อยละ 13.76 จากการปรับลดปริมาณเงินกู้ตามพอร์ตสินเชื่อที่หดตัว

Back to top button