
“นครบาล” รวบแก๊งสแกมเมอร์จีน ซุกคอนโดหรูย่านสุขุมวิท พบใช้ AI ปลอมข้อมูลเปิดบัญชี
ตำรวจนครบาลบุกคอนโดหรูสุขุมวิท ทลายแก๊งสแกมเมอร์จีน 4 ราย หลังสืบทราบว่าหลบหนีจากกัมพูชาเข้ามาซ่อนตัวในไทย พบใช้เทคโนโลยี AI ปลอมข้อมูลเหยื่อหลอกระบบธนาคารและเงินดิจิทัล ทั้งนี้ยังอยู่ระหว่างขยายผลเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 พ.ย.68) ตำรวจนครบาลนำหมายค้นศาลอาญาที่ ค.124/2568 ลงวันที่ 8 พ.ย. 2568 เข้าตรวจค้นคอนโดมิเนียมหรู ภายในซอยสุขุมวิท 16 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร หลังได้รับรายงานว่ามีกลุ่มชาวจีนต้องสงสัยลักลอบเข้ามาพักอาศัยและประกอบกิจกรรมผิดกฎหมายภายในห้องพัก
คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากปฏิบัติการ “โลกล้อมแก๊งสแกมเมอร์” ที่เจ้าหน้าที่จากหลายประเทศร่วมกันปฏิบัติการในประเทศกัมพูชา ส่งผลให้เครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์เกิดความสั่นคลอนจนแตกกระจาย โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ติดตามสถานการณ์ข่าวอย่างใกล้ชิด

กระทั่ง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สืบทราบข้อมูลเชิงลึกว่ามีกลุ่มหัวหน้าชาวจีนรายใหญ่หลายรายหลบหนีจากประเทศกัมพูชาเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทย ต่อมาตำรวจนครบาลได้สืบสวนจนพบกลุ่มชาวจีนต้องสงสัย 4 ราย ลักลอบขนอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จำนวนมาก
พร้อมทั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ลักษณะพิเศษเข้าไปในคอนโดหรูย่านสุขุมวิท 16 จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล นำกำลังเจ้าหน้าที่แฝงตัวเป็นช่างอาคารเข้าไปตรวจสอบ พบว่าภายในมีการตั้งห้อง “วอร์รูม” เป็นฐานบัญชาการของขบวนการดังกล่าว และยังมีการมั่วสุมเสพยาเสพติดภายในห้องพัก
ขณะที่ วันนี้ เวลา 12.30 น. พล.ต.ท.จิรภพ นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นห้องสูทหรูในคอนโดชื่อดัง โดยใช้ยุทธวิธีเข้าจู่โจมฉับพลัน ทำให้กลุ่มผู้ต้องหาไม่ทันตั้งตัว และไม่สามารถทำลายพยานหลักฐานในคอมพิวเตอร์ได้
ผลการตรวจค้นพบห้อง “วอร์รูม” มีคอมพิวเตอร์ 4 เครื่อง ซึ่งยังเปิดทำงานอยู่ ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นระบบบริหารจัดการด้านการเงินของเครือข่ายแก๊งสแกมเมอร์ นอกจากนี้ยังพบ “นวัตกรรมใหม่” ของการหลอกลวงด้วยการใช้เทคโนโลยี Ai หลอก Ai

โดยนำภาพนิ่งของเหยื่อมาเข้าสู่ระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อให้หันหน้าซ้าย ขวา กะพริบตา และอ้าปาก ก่อนนำคลิปที่ได้ไปใช้หลอกระบบยืนยันตัวตน (KYC) ของธนาคารและแพลตฟอร์มเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นกระบวนการอันตรายอย่างยิ่ง เนื่องจากสามารถทำให้ผู้เสียหายกลายเป็นผู้ต้องหาได้อย่างง่ายดาย
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพื้นที่พบโทรศัพท์มือถือจำนวน 60 เครื่อง และยาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาไอซ์) จำนวน 2 ถุง พร้อมจับกุมผู้ต้องหาชาวจีน 4 ราย อายุระหว่าง 21–29 ปี ซึ่งเพิ่งเดินทางมาจากประเทศกัมพูชา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันเป็นอั้งยี่, มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ส่วนข้อหาอื่นอยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติม