
“ดาวโจนส์” ปิดลบ 245 จุด กังวลฟองสบู่ AI-บอนด์ยีลด์พุ่ง
“ดาวโจนส์” ร่วงกว่า 245 จุด ขณะที่ S&P500 และ Nasdaq ร่วงกว่า 1% จากแรงขายหุ้นเทคโนโลยี นำโดย Broadcom และ Oracle ท่ามกลางความกังวลฟองสบู่ AI และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับสูงขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดลดลงในวันศุกร์ (12 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดร่วงลงมากกว่า 1% เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี หลังได้รับแรงกดดันจากหุ้นบริษัท Broadcom และ Oracle ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับฟองสบู่ปัญญาประดิษฐ์ (AI) นอกจากนี้ ตลาดยังถูกถ่วงลงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) บางรายแสดงความกังวลเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายการเงิน
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 48,458.05 จุด ลดลง 245.96 จุด หรือ -0.51%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,827.41 จุด ลดลง 73.59 จุด หรือ -1.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 23,195.17 จุด ลดลง 398.69 จุด หรือ -1.69% ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.05% ขณะที่ดัชนี S&P500 ลดลง 0.63% และดัชนี Nasdaq ลดลง 1.62%
ด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น หลังจากเจ้าหน้าที่เฟดที่ลงคะแนนเสียงคัดค้านการลดอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้นั้น แสดงความกังวลว่า เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูงเกินไปที่จะสนับสนุนการลดดอกเบี้ย
หุ้น Broadcom ร่วงลง 11.4% หลังจากผู้ผลิตชิปรายนี้เตือนถึงผลกำไรในอนาคตที่อาจลดลง ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความกังวลครั้งใหม่เกี่ยวกับความสามารถในการทำกำไรจากการลงทุนด้าน AI ที่พุ่งสูงขึ้น
หุ้น Oracle ร่วงลง 4.5% ต่อเนื่องจากการดิ่งลงเกือบ 11% ในวันพฤหัสบดี หลังบริษัทซอฟต์แวร์คลาวด์รายนี้รายงานแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอ แม้ว่าบริษัทปฏิเสธรายงานของ Bloomberg ที่ระบุว่า การส่งมอบศูนย์ข้อมูลของ Oracle สำหรับผู้ผลิต ChatGPT อย่าง OpenAI นั้นมีความล่าช้า แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หุ้น Oracle ฟื้นตัวขึ้นแต่อย่างใด
นักวิเคราะห์รายหนึ่งกล่าวว่า ไม่ได้แปลกใจที่ตลาดปรับตัวลง หลังจากที่ดัชนีหุ้นทำสถิติปิดสูงสุดติดต่อกันในวันพฤหัสบดี และนักลงทุนกำลังรอการเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตลาดแรงงานและเงินเฟ้อที่จะออกมาในสัปดาห์หน้า
รายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เกี่ยวกับการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราเงินเฟ้อฝั่งผู้บริโภค และยอดขายปลีก จะมีการเผยแพร่ในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจ หลังจากการปิดทำการของรัฐบาลในเดือนต.ค.ทำให้การเปิดเผยข้อมูลทางการหยุดชะงัก
หุ้น Broadcom เป็นแรงกดดันหลักต่อดัชนี S&P500 ในวันศุกร์ ขณะที่หุ้น Nvidia ซึ่งร่วงลง 3.3% เป็นหุ้นที่กดดันดัชนีรองลงมา
หุ้นทุกตัวในดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ตลาดฟิลาเดลเฟียร่วงลง และฉุดดัชนีร่วง 5.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค.
หุ้นอื่น ๆ ที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนด้าน AI แต่ปรับตัวลงในวันศุกร์ได้แก่ หุ้น SanDisk ร่วง 14.7% ซึ่งเป็นหุ้นใน S&P500 ที่ปรับตัวลงมากที่สุด
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเทขายหุ้นโครงสร้างพื้นฐาน AI โดยหุ้น CoreWeave ร่วง 10.1% และหุ้น Oklo ร่วง 15.1%
หุ้น 6 กลุ่มจาก 11 กลุ่มอุตสาหกรรมในดัชนี S&P500 ปิดลบ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วง 2.9% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรายวันรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 10 ต.ค. ขณะที่หุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวขึ้น 0.9%
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้น Lululemon Athletica พุ่งขึ้น 9.6% หลังบริษัทปรับเพิ่มแนวโน้มกำไรประจำปี และประกาศว่า คาลวิน แมคโดนัลด์ ซีอีโอ จะลาออกจากบริษัท
หุ้น Costco Wholesale ปิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง แม้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกเหนือความคาดหมายของตลาด โดยผู้บริโภคแห่ซื้อสินค้าจำเป็นและไม่จำเป็นก่อนฤดูกาลวันหยุดสำคัญ

