MALEE ยิ้มรับไฮซีซั่น! เตรียมกวาดเงินเข้ากระเป๋าเพียบ

MALEE ยิ้มรับไฮซีซั่น! เดินหน้าส่งผลิตภัณพ์ตัวใหม่สู่ตลาด หวังอัพยอดขายส่งออกต่างประเทศโต 50% มั่นใจกวาดเงินเข้ากระเป๋าเพียบ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE หลังราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 นับตั้งแต่ราคาอยู่ที่ 100.00 บาท เมื่อวันที่ 7 เม.ย.60 โดยเมื่อวานนี้ (11 เม.ย.) โดยปิดที่ 110 บาท ปรับตัวขึ้น 4 บาท หรือ 3.77% ด้านมูลค่าซื้อขาย 225.26 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 137 บาท อยู่ 24.5%

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงนั้นมีสาเหตุมาจากในไตรมาส 2/60 จะเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น เนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อน ยอดขายจึงน่าจะเพิ่มมากขึ้นกว่าในไตรมาส 1/60 รวมทั้งคาดว่านักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไร หลังนักวิเคราะห์จากสำนักต่างๆ มองว่าบริษัทจะมียอดขายจากการส่งสินค้าออกสู่ตลาดต่างประเทศเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้กำไรปีนี้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

 

โดย นายไพฑูรย์ เอี่ยมศิริกุลมิตร เลขานุการบริษัทและรองกรรมการผู้จัดการสายงานบริหารงานกลาง MALEE เปิดเผยว่า บริษัทยังคงมุ่งเน้นการขยายตลาดในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าที่สัดส่วนยอดขายในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 39% ซึ่งเป็นการขยายตลาดอย่างต่อเนื่องในประเทศที่บริษัทขยายไปแล้วทั้งหมด 20-30 ประเทศ โดยเฉพาะในประเทศใกล้เคียงที่บริษัทสามารถทำการตลาดได้ค่อนข้างดี

โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายไว้ที่ 10-15% ซึ่งการเติบโตจะมาทั้งจากธุรกิจ Brand และธุรกิจ CMG ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยอดขายต่างประเทศยังมีแนวโน้มการเติบโตสูงกว่าการเติบโตภายในประเทศ เช่นเดียวกับปีทีผ่านมาปัจจุบัน บริษัทมีธุรกิจร่วมทุน 2 บริษัท คือ Monde Malee Beverage Corporation (MMBC) ในประเทศฟิลิปปินส์ และ Mega Malee Company Limited (Mega Malee) ในประเทศไทย

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ซีไอเอ็มบี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ MALEE ให้ราคาเป้าหมาย 137.00 บาท/หุ้น โดยคาดว่า MALEE จะมีรายได้และกำไรสุทธิเติบโตเฉลี่ย 17.6% CAGR และ 23.8% CAGR ในปี 60-61 ตามลำดับ ด้วยปัจจัยหนุนจากการส่งออกผลิตภัณฑ์ CMG โดยเฉพาะน้ำมะพร้าว, การส่งออกผลิตภัณฑ์แบรนด์ “มาลี” และการเติบโตของบริษัทร่วมทุนสองแห่ง

ทั้งนี้ MALEE มีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สามชนิดในปี 60 ซึ่ง The Monde Malee Beverage Corporation (MMBC) JV ที่ฟิลิปปินส์เพิ่งเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มในไตรมาส 3/60 ส่วน Mega-MALEE JV จะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชนิดแรกช่วงปลายไตรมาส 3/60 ทั้งนี้มองว่าตลาดกังวลเกินไปเรื่องที่ JV ในฟิลิปปินส์มีขาดทุนสูงขึ้นและการที่น้ำมะพร้าวมีราคาสูงขึ้นในม.ค.60 ขณะที่คาดว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นในก.พ.-มี.ค.60 จะชดเชยผลกระทบจากยอดขายที่ซบเซาในม.ค. 60 และทยอยเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/60 เป็นต้นไป

 

ส่วนนักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำซื้อ MALEE ให้ราคาเป้าหมายที่ 135 บาท/หุ้น โดยแนวโน้มการส่งออกยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องอย่างชัดเจนจากลูกค้ารับจ้างผลิตในกลุ่มยุโรปและอเมริการวมถึงออสเตรเลีย และจากแบรนด์ MALEE เองในการขยายตลาดในแถบเอเชียทั้งจีน ฟิลิปปินส์ และกัมพูชาเพิ่มขึ้น ทั้งนี้บริษัทร่วมทุนในฟิลิปปินส์จะออกสินค้าใหม่เป็นน้ำผลไม้ผสมเยลลี่ 20% แบรนด์ Jelly vit คาดจะมีรายได้ราว 100 ล้านบาท อีกทั้งบริษัทยังมีแผนจะออกสินค้าตัวที่ 3 ในช่วงไตรมาส 2/60

รวมทั้งการต่อยอดธุรกิจร่วมกับ MEGA พัฒนาอาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าจะออกสินค้าใหม่ได้ในไตรมาส 4/60 ทั้งนี้ จากการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศของ MALEE จึงคาดกำไรสุทธิในช่วง 3 ปี (60-62) จะเติบโตเฉลี่ยปีละ 19-20% ทั้งนี้ แนวโน้มไตรมาส 1/60 ผลประกอบการของ MALEE น่าจะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพราะยังไม่ใช่ช่วงของการขาย แต่จะปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/60 และไตรมาส 3/60 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของตลาดเครื่องดื่ม

 

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำซื้อ MALEE ให้ราคาเป้าหมาย 130 บาท/หุ้น อิง P/E 30 เท่า โดยประเมินกำไรของ MALEE ในปี 60 ที่ 607 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรต่อหุ้นที่ 4.34 บาท เติบโต 15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ MALEE ตั้งเป้ายอดขายระดับ 1 หมื่นล้านในปี 61 หรือเติบโตกว่า 50% จากยอดขายปัจจุบัน รวมถึง Net profit margin 10% (เฉลี่ย 3 ปีล่าสุด 6.8%) จากการที่ต้นทุนการผลิตต่ำลงเมื่อผลิตในปริมาณที่มากขึ้น (Economies of Scale) โดยมีปัจจัยสำคัญ คือ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของยอดส่งออก ทั้งจากการรับจ้างผลิตน้ำมะพร้าวที่เติบโตอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับตลาดน้ำมะพร้าวโลก รวมถึงการส่งออกภายใต้แบรนด์ “MALEE” ของบริษัทเองที่เติบโตขึ้นอย่างมากเช่นเดียวกัน

โดยธุรกิจรับจ้างผลิต (CMG) เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันยอดขายของ MALEE โดยในปี 59 โดยเฉพาะจากรับจ้างผลิตน้ำมะพร้าวเพิ่มขึ้นกว่า 60% จากการที่ตลาดน้ำมะพร้าวโลกเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเชื่อว่า MALEE ยังมีช่องทางเติบโตอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับลูกค้าผู้จัดจำหน่ายน้ำมะพร้าวและตลาดน้ำมะพร้าวโลกที่คาดว่ามีอัตราการเติบโตในระดับสูงได้

ขณะเดียวกัน MALEE ได้พัฒนากลยุทธ์การทำการตลาดในแต่ละประเทศที่ทำการส่งออกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดส่งออกในส่วนของสินค้าภายใต้แบรนด์ “MALEE” เติบโตกว่า 40% ในปี 59 โดย MALEE ยังคงวางแผนในการรุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่องภายใต้กลยุทธ์ทางการตลาดที่แตกต่างกันในแต่ละประเทศเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละประเทศ รวมถึงการปรับกลยุทธ์ของบริษัทย่อยในฟิลิปปินส์ ที่พร้อมออก 2 สินค้าใหม่ในปี 60 เพื่อดึงยอดขายที่ต่ำกว่าคาดในปี 59 ให้สูงขึ้น โดยคาดบริษัทย่อยในฟิลิปปินส์จะสามารถ Breakeven ได้ในปี 62

 

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มองแนวโน้มผลการดำเนินงานของ MALEE ในไตรมาส 1/60 คาดว่ากำไรน่าจะอยู่ที่ 127 ล้านบาท โดยจะมาจากการส่งออกเป็นหลักและบริษัทร่วมทุนในฟิลิปปินส์ที่มีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งตัวล่าสุดคือน้ำผลไม้ผสมเยลลี่ 20% แบรนด์ Jelly vit และในไตรมาส 3/60 ก็จะออกสินค้าเพิ่มเติมอีก ทำให้คาดว่ายอดขายจากฟิลิปปินส์ปีนี้จะอยู่ราว 100 ล้านบาท และน่าจะผลักดันผลการดำเนินงานโดยรวมให้เติบโตไปตามเป้าหมายได้

พร้อมกันนี้ คาดยอดขายในประเทศจะเติบโตราว 3% จากปีก่อน เป็นไปตามการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) จากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดกาแฟพร้อมดื่มและตลาดน้ำดื่มชาเขียว ซึ่งจะส่งผลต่อยอดขายในกลุ่มธุรกิจค้าส่ง (CMG) ในประเทศ และส่งผลมายังการรับจ้างการผลิต (OEM) ขณะที่คาดสัดส่วนการส่งออกปีนี้น่าจะเติบโตได้ถึง 45% จากการส่งออกน้ำมะพร้าวที่คาดจะเติบโตราว 25% และการส่งออกสินค้าภายใต้แบรนด์ MALEE ที่คาดว่าจะเติบโตกว่า 40%

Back to top button