แจกทีเด็ดหุ้นอาหารโบรกฯแนะซื้อ มองแนวโน้ม “Outperform”-ลุ้นผลงานปี 62 โตต่อ!

แจกทีเด็ดหุ้นอาหารโบรกฯแนะซื้อ มองแนวโน้ม “Outperform”-ลุ้นผลงานปี 62 โตต่อ!


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจรวบรวมบทวิเคราะห์ และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มเกษตร-อาหาร หลังจากราคาสินค้าปรับตัวขึ้นสูง ซึ่งคาดว่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการในปี 2562

โดย บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ โดยให้คำแนะนำกลุ่มเกษตร-อาหาร “มากกว่าตลาด” หลังจากราคาวัตถุดิบทูน่าเฉลี่ยเดือนก.พ. 62 ปรับเพิ่มขึ้น 9.6% จากเดือนก่อน (ทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก.พ. 61) โดยราคาวัตถุดิบทูน่าปรับเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับไม่สูงมากนัก

ทั้งนี้ ราคาวัตถุดิบทูน่าเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี 2562 อยู่ที่ 1.38 พันดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ลดลง 9.8% จากราคาวัตถุดิบทูน่าเฉลี่ยปี 2561 และยังต่ำกว่าสมมติฐานราคาวัตถุดิบทูน่าเฉลี่ยปี 2562 ที่ฝ่ายวิจัยกำหนดไว้อย่างระมัดระวังที่ 1.75 พันดอลลาร์สหรัญฯ/ตัน โดยราคาวัตถุดิบทูน่าที่ปรับสูงขึ้น จะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำกำไรธุรกิจทูน่าที่เป็นแบรนด์ของ TU เนื่องจากราคาขายทูน่ากระป๋องที่เป็นแบรนด์ยังทรงตัวใกล้เคียงเดิม เพราะได้ตกลงราคาขายกับลูกค้าไว้ล่วงหน้าแล้วในช่วงต้นปี 2561

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ปัจจุบันราคาวัตถุดิบทูน่าจะต่ำกว่าปีก่อนพอสมควร และ TU กำลังอยู่ระหว่างเจรจาราคาขายทูน่าที่เป็นแบรนด์สำหรับปี 2562 แต่ประเมินว่า TU จะไม่ลดราคาขายทูน่าที่เป็นแบรนด์ลงมากนัก เพราะกลยุทธ์การทำธุรกิจของ TU ในปี 2562 จะเน้นประสิทธิภาพการทำกำไรมากขึ้น และเพื่อลดความเสี่ยงหากราคาวัตถุดิบทูน่ามีโอกาสปรับเพิ่มขึ้นได้ในช่วงที่เหลือของปี 2562 โดย TU มีโครงสร้างรายได้จากธุรกิจทูน่า 38% ของรายได้รวม และธุรกิจทูน่าที่เป็นแบรนด์คิดเป็น 21% ของรายได้รวม

ทั้งนี้ประเมินว่า TU จะได้ผลบวกจากราคาวัตถุดิบทูน่าที่อยู่ในระดับต่ำในงวดไตรมาส 4/2561 จะส่งผลบวกต่อประสิทธิภาพการทำกำไรต่อธุรกิจทูน่าในงวดครึ่งปีหลังของปี 62 จึงยังแนะนำซื้อ TU (ราคาเป้าหมาย 22) 

นอกจากนี้ ราคาไก่เป็นปรับลดลงจากวันก่อน หลังจากที่ปรับขึ้นไปแรงหลังช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่ก็ยังถือว่าฟื้นตัวจากระดับ 32 บาท/กก. ในช่วงเดือนม.ค. 62 มาก โดยฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาไก่เป็นจะเคลื่อนไหวที่ 34-36 บาท/กก. ในช่วงที่เหลือของปี 2562 เนื่องจากผลผลิตไก่ของไทยยังออกสู่ตลาดสูงถึง 36 ล้านตัว/สัปดาห์ ทรงตัวสูงจากช่วงปลายปี 2561 รองรับตลาดส่งออกไก่ที่ดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดจีน ที่ถือเป็นช่องทางระบายชิ้นส่วนไก่ที่ดีของไทย หนุนราคาไก่ทยอยฟื้นตัวได้ในช่วงที่เหลือของปี 2562

ทั้งนี้ ราคาไก่เป็นเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี 2562 เท่ากับ 34.32 บาท/กก. เพิ่มขึ้น 0.8% จากราคาไก่เป็นเฉลี่ยปี 2561 ยังสอดคล้องกับสมมติฐานราคาไก่เป็นเฉลี่ยปี 2562 ที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ที่ 34.0 บาท/กก.

โดยแนะนำเข้าลงทุน CPF (ราคาเป้าหมาย 32 บาท) TFG (ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท) และ GFPT (ราคาเป้าหมาย 17 บาท) รับธุรกิจไก่ฟื้นตัวในปี 2562 

 

ทั้งนี้ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF รายงานผลการดำเนินงานปี 2561 มีกำไรสุทธิ 15,531 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.78% จากปีก่อน 15,259 ล้านบาท พร้อมกันนี้ บริษัทประกาศจ่ายปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค.61-31 ธ.ค.61 เป็นเงินสด 0.30 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 7 พ.ค.62 และกำหนดจ่าย 23 พ.ค.62

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” CPF ราคาเป้าหมาย 30 บาท/หุ้น มองกำไรไตรมาส 4/61 ถือว่าทำได้ดีตามคาด แม้จะมีรายการพิเศษค่อนข้างมาก แต่ในส่วนของ Operation สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของรายได้และอัตรากำไรขั้นต้น  โดยภาพรวมในปี 2561 ธุรกิจในต่างประเทศค่อนข้างสดใส มีกำไรแทบทุกประเทศ ยกเว้นที่สหรัฐ ซึ่งสามารถชดเชยผลขาดทุนของธุรกิจในประเทศได้ทั้งหมด ทำให้กำไรปกติปี 2561 จบลงด้วยการเติบโต 32% จากปีก่อน

ทั้งนี้คาดธุรกิจในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 1/2562 และฟื้นดีมากขึ้นในไตรมาส 2/2562 โดยราคาเนื้อสัตว์ล่าสุดทั้งหมูและไก่เริ่มปรับตัวขึ้นแล้ว ส่วนราคาหมูที่เวียดนามอาจจะแผ่วลงมาบ้าง แต่ยังเป็นระดับที่สูงกว่าต้นทุนการเลี้ยงอยู่มาก

ส่วนแนวโน้มราคาวัตถุดิบน่าจะทรงตัวถึงอ่อนตัวลง ไม่ใช่ตัวที่เป็นปัญหาสำหรับปีนี้ และยังมีเรื่องโรคระบาดแอฟริกันหมูที่เกิดในต่างประเทศ ยังไม่กระทบต่อ CPF และยังไม่ได้ลุกลามเข้ามาในไทย แต่คงต้องติดตามสถานการณ์ต่อไป คาดกำไรปกติปี 2562 จะโตต่อเนื่อง 15.8% จากปีก่อน และคงราคาเป้าหมายที่ 30 บาท (อิง PE เดิม 17 เท่า) ประกาศจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังของปี 2561 หุ้นละ 0.3 บาท คิดเป็น Yield 1.2% กำหนดขึ้น XD 7 พ.ค. และจ่ายเงิน 23 พ.ค. คงคำแนะนำ ซื้อ

 

ขณะเดียวกัน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ประกาศกำไรสุทธิปี 2561 อยู่ที่ 3,256 ล้านบาท ลดลง 45% จากปีก่อน 5,989 ล้านบาท มาจากผลประกอบการที่ท้าทายในไตรมาส 1/2561 และเมื่อรวมรายการพิเศษจากการตั้งสำรอง ค่าใช้จ่ายพิเศษทางกฎหมายสุทธิคิดเป็นมูลค่า 1,359 ล้านบาท (ไตรมาส 2/2561) อีกทั้งมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการปิดธุรกิจแซลมอนในสกอตแลนด์มูลค่า 489 ล้านบาท (ไตรมาส3,4/2561) และ การด้อยค่าในเงินลงทุนใน TMAC มูลค่า 87 ล้านบาท (ไตรมาส 4/2561) กำไรสุทธิตามงบการเงินประจำปี 2561 จึงลดลงมาอยู่ที่ 3,256 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ บริษัทยังประกาศจ่ายปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. 2561 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2561 เป็นเงินสด 0.15 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 5 มี.ค.2562 ทั้งนี้ กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 23 เม.ย.2562

โดย บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” TU ราคาเป้าหมาย 21 บาท/หุ้น หลังกำไรไตรมาส 4/2561 ต่ำกว่าคาดจากผลขาดทุนของบริษัทร่วม โดยกำไรไตรมาส 4/2561 อยู่ที่ 1,067 ล้านบาท ลดลง 19% จากไตรมาสก่อน และ 24% จากปีก่อน ทั้งนี้หากดูเฉพาะกำไรปกติอยู่ที่ 1,223 ล้านบาท อ่อนตัว 29% จากไตรมาสก่อน และ 13% จากปีก่อน

โดยผลประกอบการถือว่าต่ำกว่าคาด เนื่องจากส่วนแบ่งผลประกอบการจากบริษัทร่วมขาดทุน จากเดิมที่คาดว่าจะยังมีกำไร ส่วนผลการดำเนินงานปกติในไตรมาสนี้ยังดี ยอดขายเติบโตแม้เป็น Low Season ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นแม้จะลดลงจากไตรมาสก่อน แต่ยังอยู่ในระดับปกติ ด้านต้นทุนวัตถุดิบและค่าเงินที่ผันผวนน้อยลงในไตรมาสนี้เป็นปัจจัยบวกสำคัญ และคาดว่าแนวโน้มจะดีต่อเนื่องไปจนถึงปี 62

ทั้งนี้ คาดกำไรปกติปี 62 จะเติบโตได้ราว 8%จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ให้ราคาเป้าหมาย 21 บาท อิงวิธี DCF คงคำแนะนำ “ซื้อ”

 

อีกทั้ง บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2561 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2561 มีกำไรสุทธิ 645 ล้านบาท ลดลง 57% จากปีก่อน 1,516 ล้านบาท

โดย บล.เคทีซีมิโก้ แนะนำ “Outperform” TFG ราคาเป้าหมาย 3.54 บาท/หุ้น โดยมองว่าไตรมาส 4/2561 แย่กว่าคาด ปรับกำไรปี 2562-2563 ลดลง 10-15% โดยราคาหมูดี ราคาไก่ฟื้น โมเมนตัมกำไรไตรมาส 1/2562 เติบโตจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน

 

ด้าน บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2561 (รวมบริษัทย่อย) สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2561 มีกำไรสุทธิ 1,037 ล้านบาท ลดลง 37.55% จากปีก่อน 1,662 ล้านบาท

ด้าน บล.เคทีซีมิโก้ แนะนำ “Outperform” GFPT ราคาเป้าหมาย 16 บาท/หุ้น โดยมองว่ากำไรปกติในไตรมาส 4/2561 และปี 2561 เป็นไปตามคาด แม้จะมีสำรองผลประโยชน์พนักงานที่มาฉุดให้กำไรสุทธิในไตรมาส 4/2561 และปี 2561 ต่ำกว่าคาดแต่เป็นค่าใช้จ่ายพิเศษครั้งเดียวและเป็นรายการทางบัญชี

ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปกติปี 2562 ที่คาดโต 17% และมูลค่าพื้นฐาน 16.00 บาท (PER 15 เท่า) ปรับคำแนะนำเป็น “Outperform” (เดิม ซื้อ) ด้วยแนวโน้มราคาไก่ในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นในเดือน ก.พ. จะเป็นแนวโน้มเชิงบวกต่ออัตรากำไร ขณะที่ตลาดส่งออกไก่ไทยปี 2562 คาดโตอย่างน้อย 2-3%

Back to top button