TPS ขึ้นสังเวียนเทรดวันแรกลุ้นวิ่งเกิน 3 บ. ขานรับพื้นฐานธุรกิจแกร่ง-อนาคตโต

TPS ขึ้นสังเวียนเทรดวันแรกลุ้นวิ่งเกิน 3 บ. ขานรับพื้นฐานธุรกิจแกร่ง-อนาคตโต


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันนี้ (15 พ.ย.62) บริษัท เดอะแพรคทิเคิลโซลูชั่น จำกัด มหาชน หรือ TPS จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น ในราคา IPO ที่ 2.50 บาท มูลค่าที่ตราไว้ (par) 0.50 บาท/หุ้น โดยมีหลักทรัพย์ เคจีไอ ประเทศไทย จำกัด มหาชน เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

สำหรับวัตถุประสงค์ในการใช้เงินจากการระดมทุน 200 ล้านบาท แบ่งเป็น 4 ส่วน คือ 1.เพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินจากการลงทุนก่อสร้างอาคารสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ จำนวน 27 ล้านบาท, 2.การจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเครือข่าย (Network operation Center : NOC) มูลค่า 6 ล้านบาท, 3. การจัดตั้งศุนย์แสดงข้อมูลเกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยและระบบการติดต่อสื่อสาร มูลค่า 10 ล้านบาท และ 4. ให้เป็นทุนหมุนเวียนบริษัท

ด้านนางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการ การจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชน (IPO) ของ TPS เปิดเผยว่า TPS หุ้นน้องใหม่ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน นอกจากจะเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งแล้ว การดำเนินธุรกิจในอนาคตมีโอกาสเติบโตสูงตามภาวะอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคมที่มีเม็ดเงินลงทุนกว่า 5 แสนล้านบาท

รวมทั้งการกำหนดราคาไอพีโอในระดับที่เหมาะสม โดยราคาไอพีโอที่ 2.50 บาท/หุ้น มีค่า P/E ที่ระดับ 11.57 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่า P/E เฉลี่ยของบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมีการประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกัน โดย P/Eเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 15.6 เท่า และเมื่อเปรียบเทียบกับ P/E ของกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศเทรดอยู่ที่ 20.68 เท่า

นอกจากนี้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่และผู้บริหารของ TPS ให้ความมั่นใจ Lock up หุ้นของตนเองทั้ง 100% เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและสร้างผลตอบแทนมั่นคงอย่างต่อเนื่องในอนาคตอีกด้วย

“หากเปรียบเทียบกับบทวิเคราะห์ที่มีการประเมินราคาที่เหมาะสมกับพื้นฐานหุ้นTPS ให้ราคาเป้าหมายสูงสุด 4.30 บาทต่อหุ้น โดยมีเป้าหมายเฉลี่ย อยู่ที่ 3.87 บาทต่อหุ้น จะเห็นว่าราคาไอพีโอ TPS ยังมี  upside อีกมาก  อีกทั้งในการจัดสรรหุ้นที่ผ่านมา พบว่ามีนักลงทุนแสดงความสนใจเข้าลงทุนเป็นจำนวนมาก  โดยเป็นหุ้นที่มีศักยภาพการเติบโตได้อย่างโดดเด่นในอนาคต” นางสาวพัชพร กล่าว

สำหรับ TPS  เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 80  ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นสัดส่วน 28.57 % ของจำนวนหุ้นสามัญที่จดทะเบียนแล้วทั้งหมด  และหลังจากการเสนอขายหุ้น กลุ่มตระกูลกิจเกษตรสถาพร มีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ จะถือหุ้นในสัดส่วน 51.26% โดยบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนหลังไอพีโออยู่ที่ 140 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้นทั้งหมด 280 ล้านหุ้น

ด้านนายบุญสม กิจเกษตรสถาพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TPS  เปิดเผยว่า บริษัทฯเชื่อมั่นว่าหุ้น TPS ที่มีกำหนดซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันที่ 15 พ.ย.62 นี้ จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้น และนักลงทุนได้ เนื่องจากบริษัทฯ มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ประกอบกับอยู่ในอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านโทรคมนาคมที่มีการขยายตัวที่โดดเด่น จากการที่ภาครัฐให้การสนับสนุน และการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ซึ่งมีโอกาสเติบโตตามไปด้วย

นอกจากนี้ TPS  มีโครงการในมือรอรับรู้รายได้ประมาณ 378.42 ล้านบาท และยังไม่นับรวมโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจา ภาครัฐและเอกชนที่คาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นด้วย

“ความน่าสนใจของ TPS คือ เราเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำที่ได้รับความเชื่อถือจากองค์กร และบริษัทชั้นนำในกลุ่มอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีมานานกว่า 15 ปี มีทีมบริหาร ที่มีประสบการณ์กับธุรกิจให้คำปรึกษา ออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจำหน่ายผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศชั้นนำระดับประเทศ 

รวมทั้งได้รับความไว้วางใจกับพันธมิตรทางธุรกิจ Gold Certified Partner กับ Cisco ซึ่งเป็นผู้นำตลาดอุปกรณ์เครือข่ายฯ ที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก   จึงมีประสบการณ์ในการให้บริการลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม  ทำให้มีความรู้ความเข้าใจในความต้องการของลูกค้าเป็นอย่างดี” นายบุญสม กล่าว

นายบุญสม กล่าวอีกว่า TPS มีผลการดำเนินงานย้อนหลัง โดยรายได้จากการขายและบริการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2561 เติบโตกว่า 28.76% ในขณะที่กำไรสุทธิเติบโตกว่า 100.11 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน  และมีอัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นประมาณ 33.65 %

ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการในปี 2559 – 2561 และงวด 9 เดือนแรกปี 2562 เท่ากับ 595.97 ล้านบาท 847.54 ล้านบาท 536.58 ล้านบาท และ 461.76 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนมีอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นเป็น 32.51 % โดยมีอัตรากำไรสุทธิปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 8.13%

Back to top button