คัด 3 ธีมหุ้นเด่นเน้นสะสมหุ้นผลงานโตต่อเนื่อง-ครึ่งปีหลังไฮซีซัน

คัด 3 ธีมหุ้นเด่นเน้นสะสมหุ้นผลงานโตต่อเนื่อง-ครึ่งปีหลังไฮซีซัน


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจและรวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับกลยุทธ์การลงทุนการลงทุนในระยะสัปดาห์ โดยนักวิเคราะห์มองกรอบการเคลื่อนไหวดัชนีที่ 1,570-1,590 จุด อีกทั้งแนะนำทยอยเก็บหุ้นคาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯทั้งมาตรการท่องเที่ยว กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง และหุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 โตเข้าสู่ High Season

โดย บริษัทหลักทรัพย์เออีซี จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ธ.ค.62) โดยมองตลาดรีบาวด์กลับขึ้นต่อไปทดสอบแนวต้านในโซน 1,590-1,600 จุด ด้วยปัจจัยหนุนหลักการบรรลุข้อตกลงการเจรจา Trade war สหรัฐฯ-จีน เฟส 1 ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยหนุนจากในประเทศ แนะนำทยอยขายทำกำไรหุ้นที่ปรับขึ้นมา ส่วนท่านที่ลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน) เราแนะนำรอจังหวะตลาดหุ้นปรับลงอีกครั้ง

อย่างไรก็ดี ภาพราย 2 สัปดาห์จนถึงสิ้นปีนี้ คาดตลาดยังยืนเหนือ 1,550 จุด จากเม็ดเงิน LTF, RMF จะช่วยพยุงตลาดไว้ได้แม้มีแรงขายออกมา  และยังคงแนะทยอยเก็บหุ้นคาดมีผลประกอบการดีในหุ้น 3 กลุ่ม ดังนี้

หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้น ศก.ของรัฐฯทั้งมาตรการท่องเที่ยว, ชิมช้อปใช้และงานประมูลภาครัฐฯ: แนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์และมี Upside ได้แก่ SEAFCO (แม้ช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 คาดรับรู้งานลดลงแต่ยังมี Backlog 2.3 พัน ลบ. คาด Secured Revenue 100% ในช่วงที่เหลือของปีนี้บวกกับยังมีUpside Risk จากงานประมูลใหม่อีก 1.9 หมื่น ลบ.), ERW (ช่วงไตรมาส 3/62 กำไรโตเล็กน้อย 3% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน หลังรายได้จากโรงแรมเพิ่มขึ้น 5% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน มองช่วงปลายปียังมีโอกาสฟื้นตัวจากการกลับมาเปิดโรงแรมใหม่ 9 แห่งอีกทั้งมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวจากครม.และมีสัญญาณฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีนหลังจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง)

อีกทั้ง CPALL (ช่วงไตรมาส 3/62 กำไรโต 8.3% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน จากยอดขายที่เพิ่มจาก 7-11 กว่า 11,640 สาขา (ก.ย.62) และ MAKRO โดยบริษัทยังคงเป้าขยายสาขาต่อเนื่องให้ถึง 13,000 สาขาในปี 64, MINT (ช่วงไตรมาส 3/62 กำไรโต347%จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ด้วยกำไรพิเศษจากการขายโรงแรมที่โปรตุเกสบวกกับช่วงไตรมาส 4/62 มองฟื้นตัวต่อด้วยธุรกิจโรงแรมและอาหารหลังตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนยังคงฟื้นตัวต่อเนื่องจากฐานปีก่อนที่ลดลง)

กลุ่มที่คาดผลดำเนินงานมีแนวโน้มดีต่อเนื่อง: เหมาะกับการทยอยซื้อสะสมโดยเน้นหุ้นที่กำไรช่วงไตรมาส 2/62 คาดโต จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 โตต่อแนะนำ SAWAD (คาดกำไรปี 62 โต 30.8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน หนุนด้วยเป้าพอร์ตสินเชื่อโต20-30% และอีก 300 สาขา,  Asset Yield ฟื้นตัวตามสัดส่วนการรับรู้รายได้ผ่านสัญญาเงินกู้ผ่าน BFIT ที่มากขึ้นโดยล่าสุด SAWAD รายงานการถือครองหุ้น BFIT หลัง Tender Offer ที่ 82.04%

บวกกับต้นทุนทางการเงินที่ปรับลงหลังได้รับเงินเพิ่มทุนจากพันธมิตร), SELIC (ช่วงไตรมาส 3/62 ทำ All time high ทั้งรายได้และกำไรคาดปี 62เห็นการ Turnaround ของกำไรหลังเริ่มรวมงบการเงินกับ PMCT ซึ่งคาดเห็น Synergy ชัดเจนขึ้นจากการพัฒนาสินค้าใหม่และการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มใหม่), SABINA: ช่วงไตรมาส 4/62 คาดยอดขายจะเร่งตัวขึ้นผ่านการจัดโปรโมชั่นและการทำการตลาดส่งท้ายปีรวมถึงการรุกขยายช่องทางขายผ่าน Online มากขึ้นคาดเห็นการเติบโตต่อเนื่องในไตรมาส 4/62 ทั้งจากไตรมาสก่อน,จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน ขณะที่ปี 63 คาดเติบโตต่อเนื่องจากการเน้นการขายผ่านช่องทางค้าปลีกแบบไม่มีหน้าร้าน บวกกับการออกผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 100 SKU

หุ้นกลุ่ม ร.พ.ขนาดกลางที่คาดกำไรช่วงครึ่งปีหลังของปี 62 โตเข้าสู่ High Season: PR9 (มองทั้งปี 62 โตต่อหลังกำไร ช่วง 9 เดือน โต 10.9%จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน) บ.ยังมีศักยภาพในการเติบโตหลังแนวโน้มการทำกำไรเร่งตัวขึ้นสะท้อนผ่าน EBITDA Margin ช่วง 9 เดือนแรก ปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ 17.7% (จาก 17.2% ช่วง 9M61) บริษัทมีแผนการเติบโตที่สดใสเนื่องจากบริษัทถือเป็น Cash Company มีเงินสดต่อหุ้นมากกว่า 2 บริษัทเตรียมเปิดตึกใหม่ต้นปี 63 เพื่อรองรับลูกค้าได้เพิ่มกว่าเท่าตัวหลังเกิด Over demand ในกลุ่มลูกค้า ICU-CCU (คิดเป็นกว่า 30% ของรายได้)

และศูนย์บริการที่ถือเป็นไฮไลท์ใหม่อย่าง Pain Management and Wellness Center ขยายฐานลูกค้าต่างชาติครอบคลุมทั้งจีนและกลุ่มอาเซียนรวมถึงกลุ่มลูกค้าประกันองค์กรและผู้ประกันตนด้วยคาดหนุนบ.มีโอกาสคุ้มทุนได้เร็วกว่าที่ตลาดคาดนอกจากนี้ Consensus ให้ Valuation ที่ถูกสุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมทั้งในแง่ Forward PE เพียง23.17เท่า ,P/BV 1.78 เท่า และEV/EBITDA 10.23 เท่า (อุตฯ อยู่ที่ PE 31.40 เท่า,P/BV 4.49 เท่า และEV/EBITDA 20.32เท่า)

Back to top button