
ตลกร้ายการบินไทย
มันชักทะแม่งชอบกลกับ “คลื่นใต้น้ำ” ที่เล่นกันแรงยิ่งขึ้นทุกขณะ เพื่อแย่งชิงเก้าอี้คณะกรรมการบริหารบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือบอร์ดการบินไทย
มันชักทะแม่งชอบกลกับ “คลื่นใต้น้ำ” ที่เล่นกันแรงยิ่งขึ้นทุกขณะ เพื่อแย่งชิงเก้าอี้คณะกรรมการบริหารบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือบอร์ดการบินไทย ซึ่งกระทรวงการคลัง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ร้อยละ 38.9
ถึงขั้น “สาดโคลน” กล่าวหากันด้วยข้อความเท็จ “ฮาล์ฟทรูทช์” พูดความจริงแค่ครึ่งเดียว หรือเอาดีใส่ตน โยนชั่วให้คนอื่น
ตามไทม์ไลน์ มีกำหนดการดังนี้ 5 พ.ย. 68 บอร์ดสรรหา ซึ่งมีอธิบดีกรมสรรพากร กุลยา ตันติเตมิทเป็นประธาน จะคัดเลือกรายชื่อสรรหาจาก 16 คน เหลือ 8 คน จากนั้นวันที่ 6 พ.ย.จะนำรายชื่อ 8 คน เข้ารับทราบในบอร์ดใหญ่ ที่มีลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธาน
บอร์ดการบินไทยชุดใหม่จะมีจำนวนกรรมการเพิ่มขึ้นเป็น 15 คน จากเดิม 11 คนหลังออกจากแผนฟื้นฟู
กว่าบทความนี้จะออก ก็คงจะทราบผลแล้วครับ ตัวแทนจากกระทรวงการคลังจะได้เข้านั่งในบอร์ดกี่คน และฝ่ายที่ขัดแย้งในแนวทางกระทรวงการคลัง จะฝ่าด่านเข้ามาได้สักกี่คน แต่ผมว่า ไม่ว่าจะจบลงแบบใด ก็คงจะหาความสงบทั้งภายในบอร์ดหรือการทิ่มแทงเข้ามาจากภายนอกได้ยาก
“ตลกร้าย” ที่สุด เห็นจะเป็นการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว (ที่เป็นสาธารณะ) ของคุณบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการบริหารเครือเกียรตินาคินภัทร และอดีตบอร์ด TG ปี 52-54 ยุคดร.ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์เป็นดีดี ยกเหตุผล 5 ข้อ ทำไมข้าราชการไม่ควรเป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะธุรกิจการบิน
5เหตุผลนั้นก็คือ 1)ท่านไม่มีเวลา ยกตัวอย่างแบบเปิดหน้าเล่นกันเลยก็คือ ปลัดกระทรวงการคลัง เป็นบอร์ดมากกว่า 30 คณะ เป็นประธานมากกว่า 10 คณะ แถมยังต้องดูแลกรมใหญ่อีก 7 กรม ท่านจะเอาเวลาที่ไหนมาบริหารธุรกิจที่อยู่ในอุตสาหกรรมที่ยากและแข่งขันกันสูงที่สุดในโลกอย่างธุรกิจการบิน
2)ท่านไม่มีทักษะ อาจจะแม่นในกฎระเบียบ แต่งานธุรกิจต้องแข่งขันกันทุกวัน ทักษะมันคนละอย่างกัน 3)ท่านไม่มีความยืดหยุ่นคล่องตัว 4)ท่านมีพะวงกับชนักมาตรา 157 ไม่กล้าเสี่ยง น่ากังวลว่าองค์กรจะเป็นอัมพาต และ 5)ท่านไม่มีทางที่จะปลอดการเมือง
สรุปแล้ว ในทัศนะของท่านบรรยง ไม่ต้องการให้ข้าราชการเข้ามาเป็นบอร์ด TG เลยสักคน โดยเฉพาะปลัดกระทรวงการคลัง ประธานบอร์ดปัจจุบัน ซึ่งถือหุ้นแทนกระทรวงการคลังมากที่สุดถึงร้อยละ 38.9
มันก็น่าแปลกอยู่นะ ทำไมเจ้าของบริษัทจะนั่งเป็นประธานไม่ได้ หากปล่อยมือให้คนอื่น ไม่กลัวคนอื่นจะเอาบริษัทไปทำปู้ยี่ปู้ยำดอกหรือ
ย้อนกลับไปดูผลงาน “คุณบรรยงกับการบินไทย” ก็ปรากฏว่า ในการแปรรูปรัฐวิสาหกิจการบินไทย และการขายหุ้นเพิ่มทุนทั้ง 3 รอบ บงล.ภัทรธนกิจ ที่มีคุณบรรยงเป็นหัวเรือใหญ่ ล้วนมีบทบาทสำคัญมาตลอด ทั้งในฐานะที่ปรึกษาการเงิน และผู้รับประกันจัดจำหน่ายหุ้น
ครั้งที่ 1 IPO ราคา 60 บาท ระดมทุน 1.4 หมื่นล้านบาทในปี 2534 ครั้งที่ 2 เพิ่มทุน RO ราคา 50 บาท ระดมทุน 2.055 หมื่นล้านบาทในปี 2546 และครั้งที่ 3 เพิ่มทุน RO 31 บาท ระดมทุน 1.5 หมื่นล้านบาทในปี 2553
รวม ๆ แล้ว คุณบรรยงก็จัดงานเพิ่มทุน THAI 3 ครั้งเป็นจำนวน 4.955 หมื่นล้านบาทมาตลอด และกระทรวงการคลังก็ตามใส่เงินเพิ่มทุนมาทุกครั้ง คุณจะใจจืดใจดำผลักไสเจ้าของบ้านไปอยู่ไหน และไม่ให้เขาได้แต่งตั้งคนของเขามาเป็นหูเป็นตาในบอร์ดเลยเชียวหรือ
งานระดมทุน 4.955 หมื่นล้านบาท หากคิดผลประโยชน์จากค่าจัดการแค่ 2% ก็เป็นตัวเงินกว่า 990 ล้านบาทเชียวนะ แล้วใครได้ประโยชน์กันล่ะ
ส่วนผลงานด้านบริหารราคาหุ้น ก็ สวนทางกับการรับงาน FA และอันเดอร์ไรท์ฯ โดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะ IPO ราคาไหนก็หลุดจองมาตลอด จนไหลลงมาที่ 3.32 บาทก่อนเข้าแผนฟื้นฟู…ติดดอยกันถ้วนหน้า!
หวังว่าเมื่อตั้งบอร์ดชุดใหม่เสร็จ คงจะเลิกราการบ่อนทำลายกันเสียทีนะ