ท่องเที่ยวสู่ไฮซีซั่น! โบรกชู CENTEL-ERW ท็อปพิก รับต่างชาติคึกคัก

“บล.ดาโอ” มองท่องเที่ยวไทยเริ่มคึกคัก เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น นักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมทะลุ 26 ล้านคน ชูหุ้นโรงแรม CENTEL-ERW เด่นสุด รับอานิสงส์กลุ่มตลาดระยะไกลฟื้นตัว


ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณี กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้อัปเดทสถานการณ์ท่องเที่ยวล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.- 26 ต.ค. 68 พบว่า ประเทศไทยมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยแล้วทั้งสิ้น 26,245,277 คน ลดลง 7.25% สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 1,211,816 ล้านบาท

นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงผลการประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวเบื้องต้นพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-26 ต.ค. 68 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาสะสมแล้วทะลุ 26 ล้านคน สร้างรายได้จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วประมาณ 1.21 ล้านล้านบาท

สอดคล้องกับฝ่ายนักวิเคราะห์ บริษัท ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า รมว. ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยข้อมูลจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ 644,179 คน เพิ่มขึ้น 9% จากสัปดาห์ก่อนหน้า แต่ลดลง 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นค่าเฉลี่ยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยวันละ 92,026 คน

ประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 26,330 คน (เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน) และรัสเซีย 38,749 คน (เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน, เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) ขณะที่ประเทศที่มีจำนวนลดลง ได้แก่ มาเลเซีย 77,086 คน (ลดลง 15% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน, ลดลง 37% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) จีน 72,470 คน (ลดลง 3% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน, ลดลง 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) และอินเดีย 54,478 คน (ลดลง 1% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน, เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาจากกลุ่มตลาดระยะไกล (Long-haul market) ซึ่งขยายตัวมากกว่า 25% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ตามฤดูกาลท่องเที่ยวช่วงปลายปี

โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกาที่ขยับขึ้นมาติดอันดับ 5 จากเดิมอันดับ 7 ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเดินทางเข้ามาสะสมแล้วกว่า 2 ล้านคน และยังคงอยู่อันดับ 3 ต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 10 ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 2 พฤศจิกายน 2568 อยู่ที่ 26,889,456 คน ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ทั้งนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกามีการเติบโตได้ดีมาก เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน ซึ่งคาดว่า ERW จะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการที่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกาสูงถึง 11% ของรายได้ (รองจากสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนที่ 14%) นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวรัสเซียยังคงเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องอีก เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน สะท้อนถึงการเข้าสู่ช่วง High Season ของไทยอย่างแท้จริง ขณะที่นักท่องเที่ยวจีนกลับมาชะลอตัวลง ลดลง 3% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน แต่ยังคงเห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยลดลงเหลือ 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน จากสัปดาห์ก่อนหน้าที่ลดลงราว 30%-40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

คาดว่าในไตรมาส 4/2568 มีโอกาสที่จะเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล (Long-haul) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากการจองตั๋วล่วงหน้าที่เกิดขึ้นแล้ว ประกอบกับเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวหลักของไทย (High Season) ขณะที่นักท่องเที่ยวระยะใกล้ (Short-haul) อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ภายในประเทศบางส่วน แต่คาดว่าผลกระทบจะอยู่ในวงจำกัด

สำหรับหุ้นที่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น เรียงลำดับจากมากไปน้อยตามสัดส่วนรายได้ในประเทศไทย ได้แก่ ERW, CENTEL, MINT และ SHR ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวสะสมตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) ยังคงหดตัวลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นการปรับลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เข้าสู่ช่วง Low Season ของไทย

นักวิเคราะห์ประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวรวมปี 2568 จะอยู่ที่ 33 ล้านคน ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และคาดจำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะอยู่ที่ 4.5 ล้านคน ลดลง 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยคาดว่านักท่องเที่ยวจีนจะเริ่มฟื้นตัวได้อย่างชัดเจนในไตรมาส 4/2568 นักวิเคราะห์ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” โดย Top pick ของกลุ่มนักวิเคราะห์เลือก CENTEL และ ERW มีดังนี้

บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 36.00 บาท จากกำไรไตรมาส 3/2568 เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า จากยอด Booking และการเติบโตของรายได้ที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่ไตรมาส 2 เป็นจุด Bottom ของปีไปแล้ว นอกจากนี้ยังได้รับผลดีจากสนามบินมัลดีฟส์ที่มีการเปิด Terminal ใหม่ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อ CENTEL ที่มีสัดส่วนรายได้จากมัลดีฟส์ราว 15%

บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.00 บาท จากแนวโน้มกำไรไตรมาส 3 ปี 2568 จะหดตัว เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่จะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/2568 และคาดว่าจะฟื้นตัวได้ดีในไตรมาส 4/2568

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุว่า สัปดาห์สิ้นเดือนตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายน (27 ต.ค.-2 พ.ย. 68) จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังขยายตัวต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นราว 9% จากสัปดาห์ก่อนหน้า นำโดยตลาด รัสเซียและกลุ่มประเทศระยะไกล (Long-haul) ที่เติบโตเด่น ขณะที่ตลาดจีนยังคงอ่อนตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบรายสัปดาห์ อย่างไรก็ดี ยอดนักท่องเที่ยวสะสมตลอดปีจนถึงต้นเดือนพฤศจิกายนอยู่ที่ราว 26.9 ล้านคน หดตัว 7% เมื่อเทียบกับปีก่อน สะท้อนว่าแม้เข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (High Season) แล้ว แต่การฟื้นตัวยังไม่เต็มศักยภาพ โดยเฉพาะตลาดหลักจากเอเชียซึ่งยังฟื้นช้ากว่ากลุ่มระยะไกล เช่น รัสเซีย และ ยุโรป

อย่างไรก็ตาม คงน้ำหนัก Neutral กลุ่มการบิน โดยยังคาดผลประกอบการกลุ่มการบินผ่านช่วง Peak จากการฟื้นหลัง COVID-19 คลี่คลาย และการได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันลดลงมาก (เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน) แล้วผลประกอบการมีแนวโน้มหดตัวในครึ่งหลังของปี 2568 และปี 2569 (ลดลง 18% เมื่อเทียบงวดเดียวของปีก่อน) ดังนั้นยังเลือก บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23.50 บาท เป็นหุ้น Top pick กลุ่มฯ จากแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2568 (ลดลง 4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน, เพิ่มขึ้น 67%จากไตรมาสก่อน) เด่นกว่ากลุ่มฯ และลุ้นความชัดเจนโครงการสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งมองเป็นบวกไม่ว่าจะยกเลิก (คาดทำให้ความเสี่ยงการใช้เงินลงทุนสูงในอนาคตลดลง) หรือเดินหน้าต่อ (คาดภาครัฐจะผ่อนปรน เงื่อนไขการลงทุนมากขึ้น) และหุ้น บริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SAV แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 27.75 บาท กลับมาน่าสนใจหลัง จากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา เริ่มมีแนวโน้มคลี่คลายดีขึ้น

Back to top button