“โกลเบล็ก” คาด JUBILE ฟื้นครึ่งปีหลัง ลุ้นกำไรปี 64 แตะ 286 ลบ. อัพเป้า 28.50 บ.

“บล.โกลเบล็ก” คาดการณ์ว่า JUBILE จะฟื้นตัวช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากมาตราการของรัฐฯควบคุมโควิด-19ที่ทำได้ดี และการระบาดโควิด-19กระทบลูกค้าเพียงวงแคบ ส่วนครึ่งปีหลังจะมีงานใหญ่ 2 งาน ดันกำไรปี 64 แตะ 286 ล้านบาท อัพเป้า 28.50 บาท คงแนะนำ “ซื้อ”


บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (21 พ.ค. 2564) หลังจาก บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JUBILE ประกาศงบกำรเนินงานไตรมาส 1/2564 เติบโต 11% มาที่ 405 ล้านบาท เมื่อเทียบงวดเดียวกันจากปีก่อนหน้า เนื่องจากในไตรมาส 1/2564 และไม่มีการปิดห้างสรรพสินค้าเหมือนปี 2563 และบริษัทมีการออกแบบคอลเลกชั่นใหม่อย่าง Dear Destiny Collection ในช่วงวันวาเลนไทน์เป็นปัจจัยสนับสนุนต่อรายได้

ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอ่อนตัวลง 47.5% เมื่อเทียบงวดเดียวกันจากปีก่อนอยู่ที่ 49.5% เนื่องจากจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและโปรโมชั่นเพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารทรงตัว เหมือนกับกับปีก่อน 79 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทยรายงานกำไรไตรมาส 1/2564 ที่ 61 ล้านบาท ลดลง 32% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เติบโต 136% เทียบงวดเดียวกันจากปีก่อน คิดเป็น 21% ของการประมาณการ

โดย “ฝ่ายวิจัย” ได้คาดการณ์ว่ารายได้และกำไรไตรมาส 2/2564 จะอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่องจากมาตราการของรัฐบาลที่ควบคุมการรับประทานอาหารที่ร้าน และจำนวนของผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นถึงระดับ 2 พันรายต่อวัน รวมถึงการพบคลัสเตอร์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ประชาชนอยู่ในที่พักอาศัยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้คาดการณ์ว่าการจัดงาน Mid Year Sale ในปลายไตรมาส 2 จะต้องเลื่อนไปยังครึ่งปีหลัง

อย่างไรก็ตามได้คาดการณ์ว่าผลประกอบการจะเติบโตขึ้นในครึ่งปีหลัง 2564 เนื่องจากคาดการณ์ว่าส่วนของรัฐบาล จะควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19ได้ และประชาชนจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ทั้งนี้ แม้ว่าบริษัทจะได้รับกระทบจาก โควิด-19 ในไตรมาส 2 แต่การที่รัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนจะส่งผลให้เศรษฐกิจและประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ในครึ่งปีหลัง ซึ่งกลุ่มลูกค้าของบริษัทได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 เป็นวงแคบ ส่งผลให้หลังจากกลับสู่สภาวะปกติยอดขายมีโอกาสเติบโตขึ้น โดยคาดการณ์ว่าจะมีการจัดงานใหญ่ 2 งานในครึ่งปีหลังเป็นปัจจัยสนับสนุนเพิ่มเติม

โดยปรับเพิ่มสมมุติฐานอัตรากำไรขั้นต้นจาก 46% เพิ่มขึ้นเป็น 47.5% เนื่องจากปี 2563 อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 47.8% ส่งผลให้ปรับเพิ่มกำไรปี 2564 เพิ่มจาก 270 ล้านบาท เป็น 286 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 6% ขณะที่คาดการณ์รายได้อยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 5% และกำไรปี 2565 อยู่ที่ 304 ล้านบาท เติบโตขึ้น 6%

ทั้งนี้ “ฝ่ายวิจัย” ประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี PE Ratio โดยอิง Prospective P/E ที่ระดับ 17.4 เท่า (PE Ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี +1S.D) เพิ่มขึ้นจากระดับ 12.6 เท่า (PE Ratio เฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี) เพื่อให้สะท้อนถึงการฟื้นตัวของผลประกอบการและปรับเพิ่มกำไรต่อหุ้นปี 2564 จาก 1.54 บาทต่อเป็น 1.64 บาท ได้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นจาก 19.40 เป็น 28.50 บาท ทั้งนี้ราคาที่ประเมินได้สูงกว่าราคาปิดล่าสุด จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยคาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 4.0% ต่อปี

Back to top button