“ทริสฯ” คงอันดับเครดิตหุ้นกู้ BGRIM ที่ “A-” แนวโน้ม “คงที่”

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อย และไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันที่ระดับ A- สิทธิคงแนวโน้ม Stable หรือ คงที่ คาดสร้างกระแสเงินสดได้มากขึ้น


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ที่ระดับ “A” พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ และไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “A-” และหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนที่ระดับ “BBB+” โดยคงแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่”

ขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ของบริษัทในวงเงินไม่เกิน 8 พันล้านบาทและหุ้นกู้สำรองเพื่อการเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) ในวงเงินไม่เกิน 2 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “A-” ด้วย หุ้นกู้ดังกล่าวมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยู่ 1 ขั้น เนื่องจากมีลักษณะของการด้อยสิทธิในเชิงโครงสร้าง (Structural Subordination) เมื่อเทียบกับเงินกู้ของบริษัทย่อย สำหรับเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้นั้นบริษัทจะนำไปชำระคืนเงินกู้และหุ้นกู้ของบริษัท รวมทั้งนำไปลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าแห่งใหม่ ๆ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

โดยอันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่คาดการณ์ได้ของบริษัทจากการมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ภายใต้โครงการผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็ก (Small Power Producer — SPP) นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงผลงานที่เป็นที่ยอมรับของบริษัทในการบริหารโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Cogeneration Power Plant) และการมีโรงไฟฟ้าที่กระจายตัวหลากหลายเป็นอย่างดีอีกด้วย อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็ถูกลดทอนบางส่วนจากการที่โครงสร้างทางการเงินของบริษัทมีหนี้สินอยู่ในระดับสูงซึ่งเป็นผลมาจากการก่อหนี้เพิ่มในช่วงที่บริษัทขยายธุรกิจ

ทั้งนี้ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2564 บริษัทมีรายได้จำนวน 1.05 หมื่นล้านบาท ลดลง 7.4% จาก 1.13 หมื่นล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2563 ซึ่งเป็นผลมาจากการมีรายได้ค่าพลังงานไฟฟ้าที่ลดลงอันเป็นผลจากราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลงและรายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในประเทศเวียดนามที่ลดลง ถึงแม้รายได้ของบริษัทลดลง บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายจำนวน 3.6 พันล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปี 2563 จากการที่โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

สำหรับสิ้นเดือนมีนาคม 2564 บริษัทมีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วจำนวน 6.05 หมื่นล้านบาท และมีอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อเงินทุนอยู่ที่ระดับ 59.5% และแนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าโรงไฟฟ้าที่เปิดดำเนินการแล้วของบริษัทจะยังคงมีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ และจะสร้างกระแสเงินสดได้ตามแผน นอกจากนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงความคาดหวังของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถบริหารจัดการโครงสร้างเงินทุนให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทที่กำหนดให้ต้องรักษาอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนทุนให้ต่ำกว่า 2 เท่าอีกด้วย

ทั้งนี้ ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถสร้างกระแสเงินสดได้มากขึ้น ในขณะที่โครงสร้างเงินทุนปรับตัวดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกัน อันดับเครดิตก็อาจปรับลดลงได้หากกระแสเงินสดของบริษัทอ่อนลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งอาจเกิดขึ้นจากผลการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบันนั้นต่ำกว่าที่ประมาณการของทริสเรทติ้งอย่างมีนัยสำคัญ หรือโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนามีความล่าช้า หรือโครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญซึ่งเป็นผลจากการลงทุนขยายกำลังการผลิตอย่างมากโดยการก่อหนี้

Back to top button