จับตา BEM ครึ่งหลังปี 64 ฟื้นตัวแกร่ง รับทยอยฉีดวัคซีน ลุ้นปีนี้กำไรทะลุ 2 พันลบ.

จับตา BEM ครึ่งหลังปี 64 ฟื้นตัวแกร่ง รับทยอยฉีดวัคซีน หนุนยอดผู้ใช้บริการเพิ่ม โบรกฯ มองผลกระทบโควิด-19 รอบที่ 3 น้อยกว่ารอบแรก พร้อมประมูลงานใหม่ ลุ้นปีนี้กำไรทะลุ 2 พันลบ.


 “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รวบรวมบทวิเคราะห์เกี่ยวกับหุ้นบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM โดยนักวิเคราะห์ต่างมองว่า ผลงานในช่วงครึ่งปีหลังปี 2564 จะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น หลังอัตราการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น คาดส่งผลให้มีผู้โดยสารกลับมาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น

โดย บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ (28 พ.ค.) ว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้น BEM ราคาเป้าหมาย 10 บาท โดยราคาหุ้น BEM ถูกเกินไปเมื่อเทียบกับแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดีของบริษัท การระบาดของโควิด 19 ในประเทศไทยบดบังภาพแนวโน้มกำไรที่แข็งแกร่งของ BEM ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เปิดโอกาสในการเข้าช้อนซื้อหุ้นที่ราคาอยู่ข้างล่าง หากมองไปยังปี 2565-66 คาดว่า ทั้งจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตและค่าโดยสารที่ปรับตัวขึ้น (ทั้งทางด่วนและ MRT) จะส่งผลให้กำไรหลักของบริษัทระหว่างปี 2564-66 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยทบต้นต่อปีเป็นเลขสองหลัก

ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ (20 พ.ค.) ว่า จากการประชุมนักวิเคราะห์ มอง BEM ทิศทางการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2564 ของ BEM จะยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิดระลอก 3 โดยปริมาณผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าในเดือน เม.ย.64 ลดลง 25% เมื่อเทียบจากเดือนก่อน ส่วนเดือน พ.ค. ยังลดลงต่อเนื่องเมื่อเทียบจากเดือนก่อน แต่เชื่อว่าภาพรวมยังดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

สำหรับงานประมูลโครงการใหม่ปีนี้ BEM ยืนยันความพร้อมที่จะเข้าร่วมทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม และสายสีม่วงใต้ ซึ่งอยู่ระหว่างรอความชัดเจน และหากได้งานจะใช้แหล่งเงินจากการกู้ยืมโดยไม่ต้องเพิ่มทุน

ทั้งนี้มองว่าผลประกอบการของ BEM กำลังผ่านจุดต่ำสุด แม้ว่าไตรมาส 2 ปี 2564 จะได้รับผลกระทบจากการระบาดระลอก 3 แต่เชื่อว่าตัวเลขผู้ใช้ทางด่วนและผู้โดยสารรถไฟฟ้าน่าจะดีกว่าปีก่อน คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวได้ตั้งแต่เดือน มิ.ย. จากการผ่อนคลายมาตราการควบคุมต่างๆ และเริ่มเปิดภาคเรียนในวันที่ 14 มิ.ย. คาดกำไรปี 64 เท่ากับ 2.2 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบจากปีก่อน บนสมมติฐานไม่มีการระบาดระลอก 4

โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” ประเมินมูลค่าเหมาะสมวิธี DCF เท่ากับ 9.50 บาท แม้ว่าแนวโน้ม 2 ปี 2564 ยังไม่สดใส แต่เชื่อว่าธุรกิจต่างๆของ BEM จะเริ่มฟื้นตัวได้ตั้งแต่ไตรมาส 3 ปี 2564 หลังการเร่งกระจายฉีดวัคซีนโควิด และราคาหุ้น Laggard กว่าตลาด มองเป็นโอกาสสะสม

ส่วน บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ (20 พ.ค.) ว่า แนะนำ “ซื้อ” BEM ด้วยราคาเป้าหมาย 9.20 บาท อิง SOTP มีมุมมองเป็นกลางจากการ ประชุมนักวิเคราะห์ ซึ่งโดยรวมยังเป็นไปตามที่คาดว่าตัวเลขผู้ใช้บริการในการระบาด ระลอกนี้มีทิศทางที่ดีกว่าการระบาดรอบแรก โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ 1) บริษัทเชื่อมั่นว่าตัวเลขผู้ใช้บริการปี 2564 จะเติบโตเมื่อเทียบจากปีก่อน หลังจากที่ตัวเลขเดือน เม.ย.-พ.ค. 2564 มีสัญญาณที่ดีว่าไม่ได้ปรับตัวลงหนักเท่าการระบาดรอบแรกแล้ว

รวมทั้ง 2) บริษัทคาดโครงการสายสีส้มตะวันตกและสายสีม่วงใต้ จะเปิดประมูลในครึ่งหลังปี 2564 โดยสำหรับโครงการสายสีม่วงใต้ มองว่ามีความเป็นไปได้ที่ภาครัฐอาจเสนอการบริหารเส้นทางแบบ net cost แต่บริษัทมีความพร้อมด้านเงินทุนไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด และ 3) สำหรับโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก

ทั้งนี้ยังคงคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 2.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 43% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยยังมองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวเมื่อเทียบจากปีก่อนนับตั้งแต่ไตรมาส 2/64 เป็นต้นไป

 

Back to top button