GREEN พุ่งแรง 14% หลังศาลฯ สั่งคู่กรณีคืนเงินประกัน 35 ลบ. พร้อมดอกเบี้ย

GREEN พุ่งแรง 14% แตะ 1.85 บ. มูลค่าซื้อขาย 79.95 ล้านบาท หลังศาลฎีกา สั่งคู่กรณี “ชื่นจิตร ชัชอานนท์” คืนเงินประกัน 35 ลบ. พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้น บริษัท กรีน รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) หรือ GREEN ล่าสุด ณ เวลา 11.56 น. อยู่ที่ 1.85 บาท บวก 0.23 บาท หรือ 14.20% สูงสุดที่ 1.94 บาท ต่ำสุดที่ 1.64 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 79.95 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น GREEN ปรับตัวขึ้น หลังศาลฯ พิพาษาให้บริษัทฯ ได้รับเงินมัดจำคืน 35 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 จากคดีฟ้องร้องนางสาวชื่นจิตร ชัชอานนท์

โดย GREEN แจ้งว่า ตามที่เมื่อวันที่ มิถุนายน 2559 บริษัท กรีน รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) (ชื่อเดิม คือ บริษัท เอเชีย คอร์ปอเรท ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)) ได้ยื่นฟ้อง นางสาวชื่นจิตร ชัชอานนท์ ต่อศาลตลิ่งชันในข้อหา ผิดสัญญา , เรียกเงินคืน ,เรียกค่าเสียหาย จำนวนทุนทรัพย์ 45,000,000 บาท สืบเนื่องจากบริษัทได้ทำบันทึกข้อตกลงกับจำเลย เพื่อเข้าศึกษาโครงการอาคารพักอาศัยให้เช่าของนางสาวชื่นจิตร ซึ่งในบันทึกข้อตกลงดังกล่าวข้อที่ 4 ให้บริษัทวางเงินประกันการเข้าศึกษาโครงการให้แก่นางชื่นจิตร ซึ่งบริษัทได้วางเงินและนางสาวชื่นจิตรได้รับเงินไปแล้วเป็นเงินทั้งสิ้น จำนวน 35,000,000 บาท

ต่อมาเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ภายหลังที่บริษัทได้เข้าศึกษาโครงการของจำเลยแล้ว บริษัทพบว่าไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน บริษัทจึงได้มีหนังสือให้นางสาวชื่นจิตรทราบว่าจากการศึกษาโครงการไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนบริษัทจึงไม่ประสงค์ที่จะลงทุนใน โครงการดังกล่าว และขอให้นางสาวชื่นจิตรคืนเงินประกันให้แก่บริษัทภายในกำหนด 7 วัน นับแต่วันที่นางสาวชื่นจิตรได้รับหนังสือดังกล่าว

อย่างไรก็ตามเมื่อครบกำหนด 7 วัน นางสาวชื่นจิตรยังคงเพิกเฉย ไม่คืนเงินประกันจำนวน 35,000,000 บาท  ซึ่งต่อมา วันที่ 31 มีนาคม 2559 บริษัทได้มีหนังสือแจ้งทวงถามจากนางสาวชื่นจิตรอีกครั้ง ก็ยังคงเพิกเฉย และยังคงยึดถือเงินจำนวน 35,000,000 บาท ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย บริษัท จึงเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 10,000,000 บาท

โดยหมายเหตุประกอบเงินการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 บริษัทได้บันทึกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญของเงินประกันทั้งจำนวนแล้ว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2560 ศาลตลิ่งชัน มีคำพิพากษาว่า บริษัทไม่มีเหตุจะเลิกสัญญาได้ นิติกรรมสัญญาระหว่างบริษัทกับนางชื่นจิตรจึงยังคงมีผลผูกพันตามกฎหมาย บริษัทไม่มีสิทธินำคดีนี้มาฟ้องต่อศาลประเด็นปัญหาอื่นจึงไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยอีกต่อไป พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 บริษัทได้ขอยื่นอุทธรณ์คัดด้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น

วันที่ 26 กันยายน 2561 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 บริษัทยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

ขณะที่ต่อมาวันที่ 24 พฤษภาคม 2564 ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยคืนเงินประกัน 35,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี นับแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้งนี้ บริษัทจะติดตามบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าวต่อไป

Back to top button