“นายก” สั่งตั้งศูนย์ RRC รับวิกฤต “อิสราเอล–อิหร่าน” พร้อมเตรียมแผนอพยพคนไทย

นายกรัฐมนตรี สั่งตั้งศูนย์ RRC ช่วยคนไทย พร้อมวางแผนอพยพ หากสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านลุกลามรุนแรงขึ้น “มาริษ” กำชับสถานทูต–กงสุล ช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กทางการ “Ing Shinawatra” ถึงสถานการณ์ความตึงเครียดในตะวันออกกลางระลอกล่าสุดว่า รัฐบาลไทยห่วงกังวลอย่างยิ่งต่อสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่รุนแรงขึ้น และขอให้ทุกฝ่ายยับยั้งชั่งใจเพื่อไม่ให้สถานการณ์บานปลายและเลวร้ายลง

นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า “ดิฉันได้สั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศจัดตั้งศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน (Rapid Response Center: RRC) เพื่อช่วยเหลือคนไทยในพื้นที่แล้ว และได้สั่งการให้ประสานงานกับกระทรวงกลาโหมในการเตรียมความพร้อมที่จะอพยพคนไทยหากสถานการณ์แย่ลง”

ด้านนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้ติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านที่ทวีความรุนแรงขึ้นด้วยความห่วงกังวล พร้อมทั้งขอวิงวอนให้ทุกฝ่ายใช้ความยับยั้งชั่งใจ และงดเว้นการดำเนินการที่อาจยกระดับความตึงเครียด เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม

“กระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี โดยจัดตั้งศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉิน (RRC) ในพื้นที่แล้ว ผมได้กำชับให้สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ในพื้นที่ดูแลและเตรียมการช่วยเหลือคนไทยอย่างเต็มที่ พร้อมรายงานพัฒนาการต่าง ๆ ให้สาธารณชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามข่าวสารจากกระทรวงการต่างประเทศและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด” นายมาริษกล่าว

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมา สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ มีประกาศเตือนคนไทยในอิสราเอล ห้ามชุมนุมรวมตัว พร้อมขอให้คนไทยพยายามอยู่ใกล้ห้องนิรภัย เมื่อได้ยินเสียงไซเรน งดถ่ายภาพหรือวิดีโอ รีบเข้าห้องนิรภัยทันที และขอให้ติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามข้อแนะนำด้านความปลอดภัยของทางการท้องถิ่นในพื้นที่อย่างเคร่งครัด เตรียมความพร้อมสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น น้ำดื่ม อาหารแห้ง แบตเตอรี่สำรอง ไฟฉาย ชุดปฐมพยาบาล และสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ

“หากไม่มีกิจธุระหรือเหตุจำเป็น ขอให้พิจารณาเดินทางออกจากอิสราเอลในโอกาสแรกที่มีเที่ยวบินพาณิชย์ให้บริการ โดยผู้เดินทางต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง” สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ระบุ

Back to top button