อิสราเอลอิหร่าน

บริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำหลายแห่ง ประเมินตรงกันว่า ความขัดแย้งระหว่าง อิสราเอลและอิหร่านที่ปะทุขึ้นอย่างรุนแรง จะกลายเป็นแรงกดดันสำคัญต่อตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงสั้น หลังมีรายงานว่าอิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่ออิหร่าน ในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 และประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉินพิเศษ” ทั่วประเทศ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ส และ S&P500 ฟิวเจอร์ส ร่วงลงทันที 1.34% และ 1.73% ตามลำดับ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานแตะระดับ 74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นกว่า 8% จากความกังวลว่าอิหร่าน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก อาจเผชิญปัญหาในการส่งออกน้ำมัน บล.กสิกรไทย วิเคราะห์ว่า ตลาดการเงินทั่วโลกอยู่ในภาวะ “Risk-off” โดยนักลงทุนเร่งหาสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างทองคำและพันธบัตรรัฐบาล ขณะเดียวกันยังชี้ว่า Dollar Index กลับอ่อนค่า ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่า หากสถานการณ์คลี่คลาย สินทรัพย์ในตลาดเกิดใหม่ (EM) รวมถึงหุ้นไทยอาจได้แรงฟื้นในระยะต่อไป บล.พาย (ประเทศไทย) และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส เห็นพ้องว่า หุ้นในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP จะได้อานิสงส์ชัดเจนในช่วงนี้ จากราคาน้ำมันที่ดีดตัวแรง โดย PTTEP ยังมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง Consensus คาดการณ์กำไรปี 2568 ไว้ที่ราว 58,000 ล้านบาท และให้ Dividend Yield ใกล้ 8% ต่อปี นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ยังแนะจับตาความเคลื่อนไหวในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด พร้อมแนะกลยุทธ์เน้นเทรดดิ้งสั้นในกลุ่มพลังงาน และลดน้ำหนักสินทรัพย์เสี่ยงชั่วคราว รอความชัดเจนเพิ่มเติมจากท่าทีของทั้งสองฝ่าย