
อัปเดต “พายุวิภา” ปภ. สั่งรับมือ 57 จังหวัด เสี่ยงน้ำท่วมฉับพลัน
กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนพายุ “วิภา” ฉบับล่าสุด (ฉบับที่ 6) เตือนแรงฝนจากพายุร่วมกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะส่งผลถึง 57 จังหวัด จนถึงวันที่ 24 ก.ค. เสี่ยงฝนหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่ม ขณะที่ ปภ. สั่งเฝ้าระวังจุดเสี่ยงทั่วประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 ก.ค. 68) กรมอุตุนิยมวิทยายังคงติดตามเส้นทางพายุโซนร้อนกำลังแรง “วิภา” โดยประกาศฉบับล่าสุด ระบุว่า พายุวิภามีศูนย์กลางอยู่บริเวณเมืองจ้านเจียง มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะลงสู่อ่าวตังเกี๋ยและขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบนช่วง 21-22 ก.ค. นี้ ก่อนอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำ และเคลื่อนตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านลาวตอนบนและภาคเหนือของไทย ขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงยังคงปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
กรมอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า ในช่วง 20-24 ก.ค. ประเทศไทยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคกลางด้านตะวันตก ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มต่ำ
ความคืบหน้าล่าสุด กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศฉบับที่ 7 เมื่อเวลา 07:00 น. วันนี้ (21 ก.ค. 68) โดยระบุว่า พายุโซนร้อนกำลังแรง “วิภา” ได้อ่อนกำลังลงแล้ว โดยเวลา 10:00 น. ศูนย์กลางอยู่ใกล้ชายฝั่งเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง มณฑลกว่างซี ประเทศจีน ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 85 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวลงสู่อ่าวตังเกี๋ย คาดว่าจะขึ้นฝั่งเวียดนามในวันพรุ่งนี้ (22 ก.ค.68) ก่อนจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันและหย่อมความกดอากาศต่ำต่อไป
หลังจากนั้นพายุนี้มีแนวโน้มจะเคลื่อนตัวตามแนวร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศลาวตอนบนและภาคเหนือตอนบนต่อไป ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย
จังหวัดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ อาทิ ได้แก่ ภาคเหนือ เช่น แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก และกำแพงเพชร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น เลย หนองคาย อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ขอนแก่น และอุบลราชธานี ภาคกลาง เช่น นครสวรรค์ ชัยนาท สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก เช่น นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ส่วนภาคใต้ เช่น เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และพังงา
สำหรับทะเลคลื่นแรง บริเวณอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2–4 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองอาจมีคลื่นสูงกว่า 4 เมตร ส่วนอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2–3 เมตร และอาจสูงกว่า 3 เมตรในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ทั้งนี้ เรือเล็กบริเวณดังกล่าวควรงดออกจากฝั่ง และชาวเรือควรหลีกเลี่ยงการเดินเรือในพื้นที่ที่มีฝนฟ้าคะนองเพื่อความปลอดภัย
ทั้งนี้ กรมอุตุนิยมวิทยาได้เปิดวอรูม ศูนย์ติดตามพายุโซนร้อน “วิภา” ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประเมินสถานการณ์และออกประกาศเตือนภัยอย่างต่อเนื่อง
- รัฐบาลตั้งวอร์รูม เกาะติดพายุวิภา 24 ชั่วโมง
ขณะเดียวกัน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมพร้อมรับมืออิทธิพลจากพายุ “วิภา” โดยได้เปิดวอร์รูมศูนย์ปฏิบัติการติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมสั่งการกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รวมถึงหน่วยงานในทุกจังหวัด ให้ตื่นตัวและเตรียมความพร้อมเต็มที่ โดยเฉพาะการประสานงานและแจ้งข่าวสารให้ประชาชนทราบอย่างต่อเนื่อง
นายภูมิธรรม ระบุว่า จากการติดตามสถานการณ์จนถึงขณะนี้ ยังไม่พบปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ แต่เป็นลักษณะน้ำหลากที่ไหลผ่านและระบายได้ ซึ่งได้เตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ต่าง ๆ ประจำตามจุดเสี่ยงไว้แล้ว จึงมั่นใจว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ควบคุมได้ และขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเฝ้าระวัง 57 จังหวัดทั่วประเทศ ระหว่าง 20-24 ก.ค.68 โดยกำชับให้เจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน สถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะจุดที่ฝนตกสะสมเกิน 90 มม./24 ชม., พื้นที่ท่วมซ้ำซาก และพื้นที่ที่ยังมีน้ำท่วมค้าง
ทั้งนี้ ปภ. ได้ส่งการแจ้งเตือนผ่านระบบ Cell Broadcast ไปยัง 22 จังหวัดเสี่ยง เพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลเตือนภัยล่วงหน้าและเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ทันที โดยเช้าวันนี้ (21 ก.ค.68) ปภ. ได้ส่งข้อความเตือนภัยไปยังพื้นที่อำเภอสันติสุข จังหวัดน่าน ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเน้นพื้นที่ลุ่มต่ำและลาดเชิงเขาในตำบลพงษ์ อำเภอสันติสุข ให้ประชาชนติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการอย่างเคร่งครัด
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น ถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากเสี่ยงภัย ให้ประกาศปิดกั้นพื้นที่ทันที จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง 24 ชั่วโมง พร้อมประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงติดตามข่าวสารและปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด