
“ภูมิธรรม” แจงประธานอาเซียนเสนอเป็นคนกลางเจรจาหยุดยิง – ย้ำเงื่อนไขอยู่ที่กัมพูชา
รักษาการนายกฯ เผย นายกฯ “อันวาร์” โทรคุยเย็นวานนี้ เสนอเป็นคนกลางเจรจาหยุดยิง ย้ำเงื่อนไขฝ่ายกัมพูชาต้องชัดเจนและจริงใจ ขณะที่บอร์ดกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย เคาะเงินเยียวยากรณีเสียชีวิตจากเหตุปะทะรายละ 1 ล้านบาท
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ก.ค.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24 ก.ค. เวลาประมาณ 18:00 น. นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียนได้โทรศัพท์มาพูดคุย หลังจากได้ติดต่อพูดคุยกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชาแล้ว
ทั้งนี้ นายอันวาร์ได้เสนอให้เปิดการเจรจา โดยเห็นว่าควรหาทางยุติการปะทะและเผชิญหน้ากัน ซึ่งนายภูมิธรรม ระบุว่า โดยหลักการไทยไม่ได้ขัดข้อง แต่การจะให้หยุดยิงเมื่อใดนั้น ขอให้ฝ่ายกัมพูชาแสดงความชัดเจนโดยเฉพาะวิธีการ เพราะที่ผ่านมาไทยพยายามอย่างเต็มที่แล้วแต่ไม่เกิดผล กลับยังมีการยิงเข้ามาในเขตแดนไทยในวันเกิดเหตุ
สำหรับพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม ทั้งสองฝ่ายเคยมีข้อตกลงร่วมกันว่า “ห้ามนำอาวุธขึ้นไปบนปราสาท” แต่ฝ่ายกัมพูชากลับฝ่าฝืน นำอาวุธขึ้นไปบนพื้นที่ดังกล่าว ถือเป็นการยั่วยุ และทหารกัมพูชาบางส่วนขาดวินัย ทำให้เกิดผลกระทบมาโดยตลอด ขณะที่รัฐบาลไทยและกองทัพได้ใช้ความอดทนอย่างสูงสุดในการแก้ไขปัญหา ดังนั้นสถานการณ์ขณะนี้ไทยต้องการความชัดเจนและความจริงใจ
“…ขอให้ท่านอันวาร์เคลียร์ให้ชัดเจนจนเรามั่นใจว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น มันจะไม่เกิดซ้ำซากอีก ถ้าชัดเจนเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน ตอนนี้เราก็ให้ทหารเราตรึง” รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าว พร้อมระบุว่าแม้จะมาพูดตอน 6 โมงเย็น แต่สิ่้งที่มันเกิดขึ้นตอนเช้าเป็นสิ่งที่เรารับไม่ได้ เพราะว่าทางกัมพูชาได้เปิดแนวรบทั้ง 4 แนวใหญ่ในเขตกองทัพภาคที่ 2 ครอบคลุม 4 จังหวัดคือ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีษะเกษ และอุบลราชธานี
นอกจากนี้ นายภูมิธรรม ยังประณามการกระทำของสมเด็จฮุน เซน อย่างรุนแรง พร้อมระบุว่านายกฯ ฮุน มาเนต ต้องร่วมรับผิดชอบ กรณีการใช้อาวุธโจมตีเป้าหมายที่ไม่ใช่ทางทหาร แต่พุ่งเป้าไปยังพลเรือนโดยตรง เช่น กรณียิงกระสุนเข้าใส่ร้านสะดวกซื้อภายในปั๊มน้ำมัน ห่างจากถังน้ำมันขนาดใหญ่เพียง 40 เมตรเท่านั้น หากโดนเป้าดังกล่าวอาจเกิดการระเบิดรุนแรงเสี่ยงต่อชีวิตในพื้นที่พลเรือนอย่างมาก ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจนเช่นเดียวกับกรณียิงเข้าใส่โรงพยาบาลพนมดงรัก
รักษาการนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้จะมีข้อเสนอให้เจรจา แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่ปรากฏว่ามีการหยุดยั้งใด ๆ จากฝ่ายกัมพูชา กลับยังคงมีพฤติกรรมรุกราน พร้อมกล่าวหาว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มก่อน อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนต่างประเทศมากกว่า 70% รายงานตรงกันว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มใช้กำลังก่อน ส่วนข้อมูลของทางกัมพูชาเป็นการนำเสนอเพียงด้านเดียว
ด้านการต่างประเทศ นายภูมิธรรม เปิดเผยว่า ได้เรียกตัวนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้เดินทางกลับจากนครนิวยอร์กโดยด่วน เพื่อช่วยรับมือสถานการณ์ หลังจากที่ได้เข้าพบเลขาธิการสหประชาชาติ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการชี้แจงข้อเท็จจริง พร้อมหลักฐานต่อองค์กรระดับโลก เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ของไทยอย่างถูกต้อง
ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) รายงานยอดผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บของพลเรือนฝ่ายไทย ณ เวลา 9:00 น. ของวันที่ 25 ก.ค.68 รวมทั้งหมด 45 ราย เป็นผู้เสียชีวิต 14 ราย บาดเจ็บสาหัส 7 ราย บาดเจ็บปานกลาง 13 ราย บาดเจ็บเล็กน้อย 11 ราย
คณะกรรมการกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2/2568 ได้มีมติอนุมัติในหลักการให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดังนี้
- กรณีเสียชีวิต เป็นค่าจัดการศพ รายละ 1,000,000 บาท
- กรณีทุพพลภาพ รายละ 700,000 บาท
- กรณีบาดเจ็บสาหัส รายละ 200,000 บาท
- กรณีบาดเจ็บมาก รายละ 100,000 บาท
- กรณีบาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 50,000 บาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
UNSC ถกด่วน! ปมขัดแย้งชายแดน “กัมพูชา” ผู้แทนถาวรไทย เตรียมแถลงข้อเท็จจริง