UNSC ถกด่วน! ปมขัดแย้งชายแดน “กัมพูชา” ผู้แทนถาวรไทย เตรียมแถลงข้อเท็จจริง

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เตรียมจัดการประชุมฉุกเฉินแบบปิด หารือสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา ด้านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติเตรียมชี้แจงข้อเท็จจริง


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า​ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council – UNSC) มีกำหนดจัดการประชุมฉุกเฉินแบบปิด (closed emergency meeting) ในวันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม 2568 เวลา 22:00 น. ตามเวลาในประเทศไทย เพื่อหารือสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา

การประชุมดังกล่าวมีขึ้นตามคำร้องขอของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งได้ส่งจดหมายถึงประธาน UNSC เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เพื่อให้มีการหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดน โดยอ้างว่าไทยเป็นฝ่ายเริ่มต้นการใช้กำลังในพื้นที่พิพาท ขณะที่ฝ่ายไทยยืนยันว่าการปะทะดังกล่าวเกิดจากการเปิดฉากยิงของทหารกัมพูชา

ด้านคณะผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติได้ดำเนินการในส่วนของไทยทันที หลังเกิดเหตุปะทะที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีการส่งหนังสือออกไป 3 ฉบับ ฉบับแรกเป็นหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อตอบโต้ข้อกล่าวอ้างของนายกรัฐมนตรีกัมพูชาจากไทย ให้กับนายอาซิม อิฟติคาร์ อาหมัด เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรปากีสถานประจำ สหประชาชาติ ในฐานะประธาน UNSC ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้ยังได้ส่งหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้คณะผู้แทนถาวรของสมาชิกสหประชาชาติทั้งหมดรับทราบด้วย

ขณะเดียวกัน คณะผู้แทนถาวรไทยยังได้ส่งหนังสือไปถึงนายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ เพื่อแจ้งเหตุการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งเป็นอนุสัญญาว่าด้วยการห้ามใช้ เก็บสะสม ผลิต และถ่ายโอนทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และการทำลายทุ่นระเบิดดังกล่าว ต่อกรณีที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ซึ่งกับระเบิดที่พบเป็นของที่เพิ่งถูกวางใหม่ และยังมีการเกิดเหตุซ้ำแม้ว่าไทยจะมีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดไปก่อนหน้านี้หลังเกิดเหตุครั้งแรกแล้วก็ตาม จึงขอให้มีการดำเนินการสอบสวนตามข้อกำหนดในอนุสัญญา และขอให้กัมพูชาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในดินแดนไทยอีกด้วย​  โดยวันนี้นายเชิดชาย​ ​ใช้ไววิทย์​ เอกอัครราชฑูต​ ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติจะเป็นผู้เข้าร่วมประชุม

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขของไทย ณ เวลา 21:00 น. วันที่ 24 กรกฎาคม ระบุว่า เหตุปะทะที่เกิดขึ้นส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 14 ราย แบ่งเป็นพลเรือน 13 ราย และทหาร 1 นาย ขณะที่ผู้ได้รับบาดเจ็บมีจำนวน 46 ราย นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าโรงพยาบาลและพื้นที่ชุมชนตามแนวชายแดนได้รับความเสียหายจากอาวุธที่ยิงมาจากฝั่งกัมพูชา

รัฐบาลไทยยืนยันว่าการใช้กำลังของกัมพูชาเป็นการละเมิดอธิปไตยและหลักมนุษยธรรม พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมโลกติดตามข้อเท็จจริงจากทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน และสนับสนุนการเจรจาภายใต้หลักการระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ การประชุมแบบปิดของ UNSC สะท้อนถึงระดับความอ่อนไหวของสถานการณ์ โดยคาดว่าอาจมีการนำเสนอข้อมูลที่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ หรือเอกสารลับที่ไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ในขณะนี้

Back to top button