
“เซฟ เดอะ ชิลเดรน” หนุนสิทธิทำงานผู้หนีภัย ย้ำรัฐต้องคุ้มครองเด็ก
“เซฟ เดอะ ชิลเดรน” ชี้การเปิดสิทธิทำงานให้ผู้หนีภัยการสู้รบเป็นก้าวสำคัญต่อการส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และลดการพึ่งพาความช่วยเหลือ แต่เตือนต้องมีมาตรการรองรับ เพื่อไม่ให้ถูกทิ้งไว้ลำพังหรือถูกผลักเข้าสู่การทำงานที่ไม่ปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เซฟ เดอะ ชิลเดรน (Save The Children) ขอร่วมแสดงความยินดีต่อการตัดสินใจของรัฐบาลไทย ในการเปิดโอกาสให้ผู้หนีภัยการสู้รบสามารถเข้าถึงสิทธิในการทำงานได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และการดำรงชีวิตอย่างมีคุณค่า การเปิดช่องทางให้ผู้หนีภัยสามารถสร้างรายได้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัว ไม่เพียงช่วยลดการพึ่งพาความช่วยเหลือในระยะยาว แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และวางรากฐานสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนให้แก่ประเทศไทยในอนาคต
อย่างไรก็ตาม การดำเนินนโยบายดังกล่าวจำเป็นต้องมีแผนรองรับที่ชัดเจน ครอบคลุมประชากรหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะเด็กและครอบครัวผู้หนีภัย ซึ่งคิดเป็นกว่า 40% ของประชากรในพื้นที่พักพิงทั้งหมด เด็กและเยาวชนยังคงต้องเรียนหนังสือต่อเนื่องในช่วงเปลี่ยนผ่าน หากไม่มีมาตรการที่เหมาะสม อาจเกิดผลกระทบตามมา เช่น เด็กถูกปล่อยให้อยู่ลำพังเมื่อผู้ปกครองออกไปทำงาน ขาดโอกาสทางการศึกษา หรือถูกผลักเข้าสู่การทำงานที่ไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ การสูญเสียครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ออกไปทำงานนอกพื้นที่ อาจส่งผลให้การเรียนการสอนหยุดชะงักในระยะยาว
ดังนั้น การให้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับขั้นตอนการขึ้นทะเบียน สิทธิในการทำงาน และการเข้าถึงบริการพื้นฐาน จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อป้องกันความสับสน ลดความเสี่ยงจากการแสวงหาผลประโยชน์ และสร้างความมั่นใจให้กับผู้หนีภัยในการดำเนินชีวิตอย่างปลอดภัย
เซฟ เดอะ ชิลเดรน พร้อมสนับสนุนรัฐบาลไทยในการพัฒนา แผนปฏิบัติการช่วงการเปลี่ยนผ่าน ที่มีความรอบคอบ โปร่งใส และเปิดรับการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นผู้หนีภัย องค์กรด้านมนุษยธรรม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยแผนดังกล่าวควรครอบคลุมทั้งสิทธิในการทำงาน สิทธิในการศึกษา การคุ้มครองเด็ก สถานะบุคคลและความมั่นคงปลอดภัยของเด็กและครอบครัว
ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การเปลี่ยนผ่านครั้งนี้จะไม่ใช่เพียงการปรับเปลี่ยนนโยบาย แต่จะเป็นการสร้างเส้นทางใหม่ที่ปลอดภัย ยั่งยืน และครอบคลุม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อเด็ก ครอบครัวผู้หนีภัยฯ และทุกคนในสังคม