“ดาวโจนส์” ปิดลบ 249 จุด ผวาเฟดชะลอลดดอกเบี้ย–บอนด์ยีลด์พุ่ง

ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงแรง “ดาวโจนส์” ปิดลบ 249.07 จุด หลังยีลด์พันธบัตรพุ่ง ด้าน “เฟด” ยังไร้สัญญาณลดดอกเบี้ย นักลงทุนหนีเข้าทองคำทำสถิติใหม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (2 ก.ย.68) ปิดปรับตัวลดลง หลังแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นต่อเนื่อง เพิ่มความไม่มั่นใจว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะเร่งปรับลดดอกเบี้ยตามที่ตลาดคาดการณ์ ขณะเดียวกัน ความคลุมเครือด้านนโยบายภาษีศุลกากรที่รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินหน้า ก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อบรรยากาศการลงทุน

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 45,295.81 จุด ลดลง 249.07 จุด หรือ -0.55%
  • ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,415.54 จุด ลดลง 44.72 จุด หรือ -0.69%
  • ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 21,63 จุด ลดลง 175.92 จุด หรือ -0.82%

สำนักข่าวเอพี รายงานว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับขึ้นแตะ 4.27% ขณะที่พันธบัตรอายุ 30 ปี ขยับขึ้นใกล้ 5% สูงสุดในรอบเดือน สะท้อนความกังวลต่อภาระหนี้ทั่วโลกและแรงกดดันทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นต่อความเป็นอิสระของเฟด  ด้าน รอยเตอร์ส เสริมว่า ยีลด์ที่สูงขึ้นทำให้นักลงทุนลดความน่าสนใจของหุ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นที่มีมูลค่าสูง

ในบรรดาหุ้นรายตัว Kraft Heinz ดิ่งลงกว่า 7% หลังประกาศแผนแยกบริษัท ขณะที่ Constellation Brands ร่วง 6.6% จากปัญหาคาดการณ์กำไรและภาระภาษี ส่วน Ulta Beauty พุ่งกว่า 8% หนุนจากผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ดีกว่าคาด

หุ้นเทคโนโลยียังอ่อนแรงต่อเนื่อง โดย Nvidia ร่วงเกือบ 2% เป็นวันที่สี่ติดต่อกันจากแรงกดดันการแข่งขันด้าน AI ขณะที่ PepsiCo ดีดตัวขึ้น หลัง WSJ รายงานว่า Elliott Management เข้าถือหุ้นมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ เพื่อผลักดันการปรับโครงสร้างธุรกิจ

ด้านตลาดทองคำ รอยเตอร์สและเดอะการ์เดียน รายงานตรงกันว่า นักลงทุนเข้าซื้อทองคำอย่างหนาแน่น ราคาทองคำพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทะลุ 3,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แตะระดับ 3,529 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สะท้อนแรงหนีความเสี่ยงอย่างชัดเจน และตลาดยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของเฟด ในวันที่ 17 กันยายนนี้ ซึ่งนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคาดว่าเฟดอาจตัดสินใจลดดอกเบี้ย

Back to top button