“ดาวโจนส์” ปิดบวก 49 จุด หวังเฟดลดดอกเบี้ย 0.25%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกทั้งสามดัชนี หลังกระแสคาดการณ์เฟดเตรียมลดดอกเบี้ย 0.25% หนุนบรรยากาศการลงทุน ขณะหุ้นเทคโนโลยีพุ่งแรง และทรัมป์ส่งสัญญาณเชิงบวกเจรจาการค้ากับจีน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (15 ก.ย.68) ปิดบวกทั้งสามดัชนีหลัก จากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และความเชื่อมั่นต่อท่าทีเชิงบวกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการเจรจาการค้ากับจีน ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ระหว่างวันที่ 16-17 กันยายนนี้

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 45,883.45 จุด เพิ่มขึ้น 49.23 จุด หรือ +0.11%
  • ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,615.28 จุด เพิ่มขึ้น 30.99 จุด หรือ +0.47%
  • ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 22,348.75 จุด เพิ่มขึ้น 207.65 จุด หรือ +0.94%

แรงซื้อหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ช่วยหนุนตลาด โดยเฉพาะ Alphabet ที่มีมูลค่าตลาดแตะระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก และ Tesla ที่พุ่งขึ้น หลังมีรายงานว่า อีลอน มัสก์ เข้าซื้อหุ้นเพิ่มมูลค่าเกือบ 1 พันล้านดอลลาร์

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน โดยมีประเด็นสำคัญทั้งเรื่องภาษีและแพลตฟอร์ม TikTok โดยประธานาธิบดีทรัมป์ ย้ำว่าการหารือครั้งนี้ “เป็นไปได้ด้วยดี” สร้างความหวังว่าความตึงเครียดทางการค้าอาจผ่อนคลายลง

ด้าน FedWatch Tool ของ CME Group ล่าสุดบ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักกว่า 97% ต่อความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.00–4.25% ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งช่วยหนุน sentiment การลงทุน อย่างไรก็ตาม หากเฟดไม่ส่งสัญญาณผ่อนคลายต่อเนื่องตามที่ตลาดหวัง อาจกดดันให้เกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้น ขณะเดียวกัน ข่าวการสอบสวนด้านการผูกขาด (antitrust) ต่อ Nvidia โดยทางการจีนก็ยังเป็นปัจจัยถ่วงตลาดบางส่วน

นักวิเคราะห์ของรอยเตอร์ส ระบุว่า ตลาดกำลัง “ตั้งความหวังสูง” กับการประชุมเฟด หากเฟดให้สัญญาณเพียงระมัดระวังโดยไม่ชัดเจนต่อการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม อาจสร้างแรงกดดันต่อสินทรัพย์เสี่ยง อย่างไรก็ดี แรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยีและความคืบหน้าการค้าสหรัฐฯ–จีน ยังคงช่วยพยุงบรรยากาศการลงทุนในระยะสั้น

Back to top button