NVIDIA ถูกกล่าวหาละเมิดกฎหมายผูกขาด ท่ามกลางดีลการค้าสหรัฐ–จีนที่มาดริด

สำนักงานกำกับดูแลตลาดแห่งชาติจีน สรุปผลสอบเบื้องต้นพบ NVIDIA ละเมิดกฎหมายผูกขาด จากดีลซื้อ Mellanox มูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ เมื่อปี 2020 โดยยังไม่ระบุบทลงโทษแต่เดินหน้าสอบสวนต่อ ขณะที่การเจรจาการค้าสหรัฐฯ–จีน ที่กรุงมาดริดยังดำเนินอยู่


ผู้สื่อข่าวรายงานอ้างอิงสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ว่า เมื่อค่ำวันที่ 14 กันยายน 2568 (ตามเวลาไทย) สำนักงานบริหารการกำกับดูแลตลาดแห่งชาติจีน (State Administration for Market Regulation : SAMR) เปิดเผยผลสอบสวนเบื้องต้นว่า บริษัทเอ็นวิเดีย (NVIDIA) มีพฤติกรรมละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดทางการค้า จากการเข้าซื้อกิจการ เมลลาน็อกซ์ เทคโนโลยีส์ (Mellanox Technologies) ผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายศูนย์ข้อมูล มูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อปี 2020

SAMR ระบุว่า เอ็นวิเดียไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ตอนอนุมัติการควบรวมในปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) เช่น การไม่เลือกปฏิบัติต่อบริษัทสัญชาติจีน และการรักษาความเข้ากันได้ของระบบ แต่ยังไม่ได้ประกาศบทลงโทษ และจะเดินหน้าสอบสวนเชิงลึกต่อไป

สำหรับความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น ในช่วงเข้าสู่วันที่ 2 ระหว่างการเจรจาการค้าสหรัฐฯ–จีน ที่กรุงมาดริด ประเทศสเปน ในประเด็นการค้าและภาษีศุลกากร ทำให้ตลาดจับตาผลสะเทือนต่อความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของสองประเทศมหาอำนาจ

ด้านเอ็นวิเดีย ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า บริษัทปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ และจะยังคงให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ทั้งนี้ จีนเริ่มสอบสวนเอ็นวิเดียอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือนธันวาคม พ.ศ. 2567 (ค.ศ. 2024) โดยดีลดังกล่าวเคยได้รับอนุมัติแบบมีเงื่อนไข ในปี 2020 ขณะที่ฝั่งสหรัฐฯ มีการบังคับใช้ กฎหมาย Export Control Reform Act (ECRA) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 (ค.ศ. 2018) และ สำนักอุตสาหกรรมและความมั่นคง (BIS) ออกกฎควบคุมการส่งออกชิป AI ขั้นสูงสู่จีนตั้งแต่ ต.ค. 2022 เป็นต้นมา ทำให้เอ็นวิเดียต้องออกแบบชิปใหม่เพื่อตอบสนองข้อจำกัดเหล่านี้

เมื่อเดือนสิงหาคม 2568 รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีรายงานว่า ได้เปิดทางให้เอ็นวิเดียและเอเอ็มดี (AMD) สามารถขายชิปรุ่นลดสเป็กบางส่วนให้จีนได้ ภายใต้เงื่อนไขแบ่งรายได้ราว 15% ให้รัฐบาลสหรัฐ ซึ่งยังเป็นข้อตกลงที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง

ขณะเดียวกัน รัฐบาลจีนประกาศเมื่อ 12 สิงหาคม 2568 ให้หน่วยงานรัฐและภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง หลีกเลี่ยงการใช้ชิป H20 ของเอ็นวิเดีย ซึ่งเป็นเวอร์ชันลดสเป็กของ H200 โดยให้เหตุผลด้านความปลอดภัย แม้เอ็นวิเดียจะปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการฝัง “kill switch” หรือการปิดระบบจากระยะไกล

อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ ยังไม่แน่ชัดว่าการสอบสวนของ SAMR จะส่งผลโดยตรงต่อทิศทางการเจรจาการค้าสหรัฐฯ–จีนที่กำลังดำเนินอยู่ในกรุงมาดริดหรือไม่

Back to top button