สะสม 13 หุ้นเด่น! แข็งแกร่งกว่าตลาดSET บ่ายยืนบวกต่อแต่ upside จำกัด

SET เช้านี้แกว่งผันผวนอิงแดนบวกตามตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดภูมิภาค แนะติดตามการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศหลัก และการประกาศงบฯ Q3/58 ทั้งใน-ต่างประเทศ คาดบ่ายดัชนีบวกต่อได้ แต่ upside จำกัด โดยมีแนวรับ 1,410 แนวต้าน 1,430 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (13 ต.ค.) เช้านี้แกว่งผันผวนอิงแดนบวกตามตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดภูมิภาคที่ยืนแดนบวก อย่างไรก็ตาม แนะติดตามการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของประเทศหลัก และการประกาศงบฯ Q3/58 ทั้งในและต่างประเทศ

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีหุ้นไทยสามารถบวกต่อได้ แต่ upside มีจำกัด โดยมีแนวรับ 1,410 แนวต้าน 1,430 จุด ขณะที่ แนะนำหุ้นที่มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดยังเป็นหุ้นที่ได้ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง SCC-CK-STECUNIQPS-CPALL-KTCTISCO-KKP-SATEPG-TMB และ KBANK

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งตัวผันผวนอิงแดนบวก โดยดัชนีปรับตัวขึ้นแรงกว่าที่คาดไว้เป็นไปตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม คงต้องติดตามการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศหลัก และการประกาศผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนไทยในไตรมาส 3/58 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดดัชนีฯน่าจะเคลื่อนไหวอยู่ในแดนบวกต่อ แต่ upside ค่อนข้างจำกัด พร้อมให้แนวรับ 1,410 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ต.ค.) SET มีจังหวะทะลุแนวต้าน 1,420  จุด ขึ้นมาในช่วงเช้า นำโดยหุ้นธนาคาร และพลังงาน ขณะที่ BAY ยังคงร้อนแรงต่อ ดึงดัชนีกลุ่มธนาคารขึ้นมา ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าต่อเนื่องชัดเจน พร้อมกับที่หุ้นในภูมิภาคปรับตัวขึ้นมาพร้อมกันหมด คาดว่า SET พักตัวสร้างฐานเสร็จเรียบร้อยแล้ว และต่างชาติอาจกลับมาอีกครั้ง แนะนำเร่งการสะสมหุ้นให้เร็วขึ้นก่อนที่ SET จะปรับตัวขึ้นต่อ

ทั้งนี้ กลุ่มหุ้นที่ดูน่าสนใจและคาดว่าจะมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดยังเป็นหุ้นที่ได้ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างกลุ่มรับเหมาฯ และวัสดุก่อสร้าง SCC-CK-STEC และ UNIQ กลุ่มอสังหาฯ PS กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศอย่าง CPALL-KTC ต่อเนื่อง รวมถึงกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการฟื้นตัวของยอดขายรถยนต์อย่าง TISCO-KKP-SAT และ EPG

นอกจากนี้ จากการที่ต่างชาติอาจกลับมาเร็ว กลุ่มหุ้นขนาดใหญ่อาจกลับมาเร็วกว่าที่คาดเช่นกัน จึงแนะนำ “เริ่มสะสม” กลุ่มธนาคารซึ่งแข็งกว่าตลาด TMB-KBANK ขณะที่ชะลอดูกลุ่ม ICT ก่อน เนื่องจากมีแรงกดดันจาก TOT ที่รอบอร์ดอนุมัติ 20 ต.ค. นี้ เพื่อจะฟ้องกสทช ให้ระงับประมูลคลื่น 900 Mhz

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (15 ต.ค.) ดัชนี SET ช่วงเช้าปิดบวก โดยตลาดภูมิภาคปรับขึ้นด้วยแรงหนุนจาก NDRC เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ได้อนุมัติโครงการลงทุนไปแล้วเป็นมูลค่าประมาณ 2.85 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดหวังว่าโครงการดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีนที่ปัจจุบันได้ชะลอตัวลง

นอกจากนี้คาดการณ์ว่า เงินเฟ้อในจีนจะขยายตัวเล็กน้อยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เนื่องจากเป็นช่วงฤดูหนาวและเทศกาลวันหยุดซึ่งหนุนราคาอาหารและบริการ และยังมีแผนผ่อนคลายด้านการลงทุนให้กับต่างชาติเช่นกันทั้งนี้ จีนมีกำหนดการเปิดเผยจีดีพีของไตรมาส 3 วันจันทร์นี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะชะลอตัวลงแตะ 6.8% ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มีความเชื่อมั่นว่าจีดีพีของจีนจะขยายตัว 6.5%-7.5% ในปี 2558

สำหรับปัจจัยในประเทศ นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงกรณีการปรับลดอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลมาที่ระดับ 20% เป็นการถาวรว่าเพื่อต้องการให้ผู้ประกอบการสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ และการปรับลดครั้งนี้ก็เพื่อให้ใกล้เคียงกับอัตราของประเทศเพื่อนบ้าน เช่น จีน และมาเลเซีย 25% เวียดนาม 22% และสิงคโปร์จัดเก็บ 17%

แนวโน้มตลาดภาคบ่าย คาดดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อ จากสัญญาณทางเทคนิคหลายสัญญาณอยู่ในเกณฑ์ดี โดยมีแนวต้านถัดไปที่  1,430/1,435 จุด

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,234.04 ล้านบาท ปิดที่ 186.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท

JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,151.56 ล้านบาท ปิดที่ 5.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท

SCI มูลค่าการซื้อขาย 910.40 ล้านบาท ปิดที่ 7.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

BAY มูลค่าการซื้อขาย 758.65 ล้านบาท ปิดที่ 38.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 681.65 ล้านบาท ปิดที่ 233.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button