ซื้อ 10 หุ้นฮิต! รับปัจจัยบวกภาครัฐSET บ่ายมีแนวรับสำคัญ 1,412 จุด

SET เช้านี้ปรับฐานหลังขึ้นไปมาก หลังมีแรงขายทำกำไรออกมา-รับแรงกดดันหุ้นกลุ่มแบงก์หลังขึ้นแรงวานนี้ โดยมองตลาดปรับฐานระยะสั้นเหตุกระแสเงินทุนยังไหลเข้า ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งทั้งบวกลบคละกัน อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้าติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงยอดขายบ้านมือ 2 ของสหรัฐ และการประชุมครม.ของไทยว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ บ่ายคาดดัชนีมีสิทธิปรับลงอีกแต่คงไม่หลุดแนวรับ 1,412 ส่วนแนวต้าน 1,425 จุด


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ช่วงเช้า (16 ต.ค.) SET เช้านี้ปรับฐานหลังขึ้นไปมาก เนื่องจากมีแรงขายทำกำไรออกมา และรับแรงกดดันหุ้นกลุ่มแบงก์หลังขึ้นแรงวานนี้ โดยมองตลาดปรับฐานระยะสั้นเหตุกระแสเงินทุนยังไหลเข้า ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งทั้งบวกลบคละกัน

อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้าติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมถึงยอดขายบ้านมือ 2 ของสหรัฐ และการประชุมครม.ของไทยว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่

นักวิเคราะห์คาดช่วงบ่าย ดัชนีฯยังมีสิทธิปรับลงอีกแต่คงไม่หลุดแนวรับ 1,412 ส่วนแนวต้าน 1,425 จุด ขณะที่ กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจและคาดว่าจะมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดยังคงเป็นหุ้นที่ได้ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง SCC-CK-STEC-UNIQ-AOT-CENTEL-MINT-PS-CPALL และ KTC

 

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย เปิดเผยถึงตลาดหุ้นไทยเช้านี้เป็นลักษณะของการปรับฐานหลังจากที่ดัชนีฯได้ปรับตัวขึ้นไปมากในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ ตลาดฯรับแรงขายทำกำไรบ้าง โดยรับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มแบงก์หลังจากที่วานนี้ได้ปรับตัวขึ้นแรง ซึ่งยังมองว่าเป็นการขายในลักษณะปรับฐานระยะสั้น และตลาดฯยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ เนื่องจากกระแสเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้า และหุ้นในกลุ่มแบงก์ก็เป็นเป้าหมาย

ขณะที่ ตลาดหุ้นภูมิภาคเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบ โดยสัปดาห์หน้าให้ติดตามดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ และยอดขายบ้านมือ 2 ของสหรัฐ ส่วนปัจจัยในประเทศ ให้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์หน้าว่าจะมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหรือไม่ โดยเฉพาะโครงการรถไฟรางคู่

แนวโน้มการลงทุนบ่ายนี้ คาดดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงได้อีก แต่คงจะไม่หลุดแนวรับ 1,412 จุด ส่วนแนวต้าน 1,425 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ต.ค.) SET มีแนวโน้ม “พักฐาน” ระยะสั้น หลังปรับตัวขึ้นแรงตั้งแต่ต้นสัปดาห์ อย่างไรก็ตามมองการพักฐานของ SET จะเกิดในรูปแบบ “Sector Rotation” จากหุ้นขนาดใหญ่มาที่กลุ่มหุ้นขนาดกลางและเล็กที่ยัง Laggard ตลาด รวมถึงหุ้นที่มีมีประเด็นลงทุนระยะสั้น โดยคงยังมองการปรับขึ้นต่อเนื่องเป้าหมายปลายปีที่ 1,500 จุด

สำหรับกลุ่มหุ้นที่น่าสนใจและคาดว่าจะมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดยังคงเป็นหุ้นที่ได้ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง

1.กลุ่มรับเหมาฯและวัสดุก่อสร้าง “ซื้อ” SCC-CK-STEC และ UNIQ

2.กลุ่มท่องเที่ยวเข้าสู่ช่วง High Season “ซื้อ” AOT-CENTEL และ MINT

3.กลุ่มอสังหาฯ “ซื้อ” PS ได้ประโยชน์สูงสูงจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ

4.กลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศอย่าง CPALL-KTC

นอกจากนี้การซื้อหุ้นในช่วงต้นไตรมาส 4 มีโอกาสขาดทุนน้อย จากการวิเคราะห์แบบ Quant Analysis ย้อนหลัง 15 ปี พบว่าหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้าง อิเล็กทรอนิกส์ อาหาร และค้าปลีก มีโอกาสสูงกว่า 70% ที่ให้อัตราผลตอบแทนเป็น “บวก”

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ (16 ต.ค.) ว่า ตลาดภูมิภาคปรับขึ้นได้ เนื่องจากรับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้นนิวยอร์เมื่อคืนนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 255,000 ราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 40 ปี

นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนหลังจากธนาคารกลางจีนเปิดเผยว่า การปล่อยกู้ใหม่สกุลเงินหยวนของจีนในเดือนก.ย.แตะระดับ 1.05 ล้านล้านหยวน เป็นระดับสูงสุดในรอบหลายปี และมีการคาดว่ารัฐบาลจีนจะกระตุ้นการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ส่วนญี่ปุ่นก็คาดว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน  

สำหรับปัจจัยไทย นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เชิญผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มาหารือที่กระทรวงการคลัง เพื่อเจรจาขอให้ผู้ประกอบการปรับลดราคาอสังหาริมทรัพย์ลง หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติปรับลดค่าธรรมเนียมการโอนและการจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ คาดว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะเข้าหารือด้วย ด้านก.ล.ต.สั่งโบรกฯ ที่คิดค่าคอมมิชชั่นต่ำมากชี้แจง หวั่นส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโดยรวม

แนวโน้มตลาดภาคบ่าย เกิดสัญญาณขายในกราฟรายชั่วโมง พร้อมมีปริมาณการซื้อขายที่หนาแน่น ถือเป็นสัญญาณขาย อย่างไรก็ตาม ดัชนีสามารถยืนตัวเหนือยอดเดิมที่ 1,417 ได้ เป็นสัญญาณดี หากยืนได้ต่อ คาดจะรีบาวน์กลับขึ้นทดสอบ 1,426 หากยืนไม่ได้ มีโอกาสปรับตัวลงต่อทดสอบ 1,412/1,408

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า

JAS มูลค่าการซื้อขาย 3,007.67 ล้านบาท ปิดที่ 5.55 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท

SCI มูลค่าการซื้อขาย 1,293.44 ล้านบาท ปิดที่ 7.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 897.88 ล้านบาท ปิดที่ 266.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 896.73 ล้านบาท ปิดที่ 10.50 บาท ลดลง 0.20 บาท

AOT มูลค่าการซื้อขาย 765.20 ล้านบาท ปิดที่ 302.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button