เคาะ 12 หุ้นแนวโน้มเทคนิคขาขึ้นSET แกว่งแคบ-ไร้ปัจจัยใหม่หนุน

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งกรอบแคบๆ เนื่องจากตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน อีกทั้งยังมีแรงฉุดจากผลประกอบการกลุ่มธนาคารที่ออกมาไม่ดีมากนัก ขณะที่แรงซื้อต่างชาติยังคงสลับกันไปซื้อ-ขาย ต้องดูกันวันต่อวัน ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่มีโมเมนตัมบวกทางเทคนิค


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” รายงานเช้านี้ ณ เวลา 9.01 น. ค่าเงินบาทล่าสุดอยู่ที่ 35.34 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลดลงในช่วงเช้าวันนี้ โดยได้รับปัจจัยถ่วงจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืนนี้ ในขณะที่หุ้นกลุ่มผู้ผลิตยาและหุ้นกลุ่มการเงินอ่อนแรงลง

นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยวันนี้แกว่งกรอบแคบๆ เนื่องจากตลาดยังไร้ปัจจัยใหม่หนุน อีกทั้งยังมีแรงฉุดจากผลประกอบการกลุ่มธนาคารที่ออกมาไม่ดีมากนัก ขณะที่แรงซื้อต่างชาติยังคงสลับกันไปซื้อ-ขาย ต้องดูกันวันต่อวัน ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่มีโมเมนตัมบวกทางเทคนิค

สำหรับหุ้นเด่นวันนี้ ได้แก่  AJ, JTS, VIBHA, BBL, KTC, KBANK, SMT,SAMART, IFEC, MC, MCS และ ASEFA

 

บล.ไอร่าระบุในบทวิเคราะห์ (21 ต.ค.)  ทิศทางตลาด : Sideway? คาดการเคลื่อนไหวอยู่ในลักษณะเดียวกับวานนี้ แต่ให้น้ำหนักไปยังประเด็นต่างประเทศที่คาดอยู่ระหว่างรอ (1) การประชุมของ ECB ในวันที่ 22/10/58 ซึ่งคาด ECB จะมีการส่งสัญญาณถึงการขยายโครงการซื้อสินทรัพย์ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า (2) การประชุมเฟดวันที่ 27 – 28/10/58 ที่คาดอาจมีส่งสัญญาณระยะเวลาที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย และ (3) ความคาดหวังในเชิงบวกหลังจากนี้โดยเฉพาะการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน หลัง GDP – 3Q/58 ขยายตัว 6.9%yoy ซึ่งตัวต่ำกว่า 7% เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี

เช่นเดียวกับประเด็นในประเทศที่ยังไม่มีปัจจัยชี้นำใหม่ๆ ทั้ง + / – โดย (1) Fund Flow มีความผันผวน แรงขาย / สุทธิของต่างชาติสลับกันไป โดยล่าสุดซื้อสุทธิ 421 ล้านบาท แต่ยังอยู่ในทิศทางเดียวกับภูมิภาคส่วนใหญ่ ขณะที่เงินบาทยังแข็งค่าจากช่วงต้นตค. (เคลื่อนไหวในช่วง 36.50 บาท) คาดในระยะสั้นอาจส่งผลดีต่อ Fund Flow บ้าง (2) การเร่งรัดเปิดประมูลโครงการต่างๆ ที่คาดส่งผลดีต่อกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง ขณะที่แนะจับตากลุ่มพลังงาน ที่คาดมีแรงเก็งกำไรตามราคาน้ำมัน และ (3) การเก็งกำไรผลประกอบการ – 3Q/58 ถึงกลางเดือนพย. โดยเฉพาะกลุ่ม Real Sector หลังกลุ่มธนาคารฯ ประกาศไปแล้ว

หุ้นแนะนำ : MC

 

บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ต.ค.)  ตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวในกรอบแคบ เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่ๆเข้ามาสนับสนุน และราคาน้ำมันยังคงอ่อนแอในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม บริเวณแนวรับที่ 1400 จุดยังทำงานได้ดีทั้งในเดือนนี้และเดือนหน้า และเป็นบริเวณที่เหมาะสมในการสะสมหุ้นเพิ่มซึ่งเป็นไปได้ที่ดัชนีจะพักฐานอีกครั้งชั่วคราว เนื่องจากบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ที่ซื้อไปค่อนข้างมากแล้วก็มีโอกาส Take profit เร็วๆนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดจะไม่ปรับลงแรงและสามารถดีดกลับได้ง่าย เนื่องจากปัจจัยต่างประเทศทั้งประเด็นเฟดที่มีแนวโน้มจะไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้และโอกาสที่ ECB และ BOC จะเพิ่มนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจก็ช่วยหนุน sentiment โดยรวม นอกจากนี้ผลประกอบการของกลุ่มแบงค์ที่ออกมาส่วนใหญ่ตรงตามที่นักวิเคราะห์คาดจึงไม่มีปัจจัยใหม่ๆมากดดันตลาด

แนวรับ/แนวต้าน : 1400/1430 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

กลยุทธ์ : ทยอยขายทำกำไรหากดัชนีอยู่เหนือ 1420 จุด เริ่มสะสมหุ้นเมื่อดัชนีย่อลงแรง เน้นพื้นฐานดี ปันผลสูง และได้ประโยชน์จากโครงการรัฐ

นักลงทุนระยะสั้น : MCS (15), ASEFA (5.5)

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ต.ค.)  คาดดัชนีวันนี้แกว่งตัวต่อ/บวกแคบๆ เพื่อรอปัจจัยเศรษฐกิจต่างประเทศ อาทิ ดัชนี flash PMI เดือนต.ค.ของจีนเช้าวันพรุ่งนี้ และผลประชุม ECB ค่ำวันพรุ่งนี้ ทั้งนี้ คงมุมมองว่า ECB ไม่เพิ่มปริมาณ QE สอดคล้องกับความเห็นของกรรมการ ECB สองรายที่ออกมาคัดค้านการเพิ่ม QE ในขณะนี้ ด้านปัจจัยภายใน ผลประกอบการกลุ่มธนาคารใหญ่ ไม่มีทิศทางชัดเจน โดยหลัง SCB ต่ำคาด พบว่า KBANK รายงานกำไรตามคาด และ BBL กำไรสูงกว่าที่คาด

หุ้นเด่นวันนี้ เก็งกำไร SMT/สะสม SAMART+IFEC

 

บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ต.ค.)  วาง Filter แนวรับสำคัญที่ 1,405 จุด แนวต้าน 1,430 จุด แนะนำเทรดดิ้งตามกรอบการลงทุน  ระยะสั้นแนะนำเก็งกำไรในหุ้นที่มีโมเมนตัมบวกทางเทคนิค เช่น  AJ , JTS , VIBHA

 

บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (21 ต.ค.)  กลยุทธ์ : ราคาน้ำมันหลังผันผวนแรงๆในเดือน ส.ค. และ ต.ค. ปัจจุบันเริ่มกลับมายืนๆ โดยราคาน้ำมันเบรนท์ยืนๆ ที่ 48-49 ดอลลาร์ต่อบารเรล์ ส่วน WTI 45+/- ดอลลาร์ต่อบารเรล์เดิมก่อนหน้านี้มีการมองกันว่าราคาน้ำมันในรอบนี้จะสร้างสถิติต่ำสุดใหม่ แต่หลังตัวเลขเศรษฐกิจทั้งในจีน ยูโรและสหรัฐ ที่ทยอยประกาศออกมาไม่แย่กว่าที่คาดประกอบกับจำนวนหัวขุดเจาะในสหรัฐปรับตัวลงเรื่อยๆ ส่งผลให้ตอนนี้ดูเหมือนการประมาณการณ์ราคาน้ำมันจะทรงตัวในระดับที่เป็นอยู่

ส่วนที่มองว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวลงรอบใหม่ก็มาจาก ปริมาณการผลิตยังท่วมตลาด สต๊อกน้ำมันในสหรัฐยังเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณความต้องการใช้ยังเพิ่มขึ้นน้อย สรุปโดยรวมของทิศทางราคาน้ำมันในช่วงที่เหลือของปี คาดจะยังผันผวนแต่ไม่น่าจะแรง และมีแนวโน้มว่าราคาน้ำมันคงจะไม่ลงไปสร้างสถิติต่ำสุดรอบใหม่ในปีนี้ การที่ราคาน้ำมันแกว่งในกรอบแคบ จะส่งผลให้หุ้นพลังงานของไทยขยับตัวได้ไม่มาก ซึ่งทิศทางของหุ้นน้ำมันในตอนนี้จะขึ้นอยู่กับประกาศงบ Q3/15 ในจำนวนนี้หุ้นที่นักวิเคราะห์ได้ปรับเป้าและกำไรสูงขึ้น คือ TOP IRPC

สำหรับทิศทางดัชนี SET วันนี้คาดจะเริ่มอ่อนตัวลงหลังพยายามยืนมาหลายวันจากการไม่มีปัจจัยหนุนใหม่ๆรวมทั้งแรงกดจากผลดำเนินงานของกลุ่มธนาคารโดยมีแนวต้านที่ 1422-1426 จุด ส่วนแนวรับที่ 1412-1408 จุด

Fundamental Stock :

BBL : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ถือ ราคาเป้าหมาย 172 บาท)

 KTC : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 126 บาท)

KBANK : COMPANY NOTE (คำแนะนำ : ซื้อ ราคาเป้าหมาย 218 บาท)

Back to top button