
SET บวกแรง 3.37% จับตากระแสข่าวกกต. ฟัน “ฮั้ว สว.”
SET พุ่งแรง 39 จุด หรือปรับขึ้น 3.37% นักลงทุนจับตากระแสข่าว กกต. สอบสวนคดี “ฮั้ว สว.” หลังคณะกรรมการสืบสวนฯ เสนอดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา “สมาชิกวุฒิสภา-พรรคภูมิใจไทย” รวม 229 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ก.ค. 68) ตลาดหุ้นไทย ณ เวลา 15:04 น. โดย SET Index ปรับตัวขึ้นร้อนแรงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 1,196.94 จุด บวกไป 39.31 จุด หรือ (+3.37%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.90 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม นักลงทุนจับตากระแสข่าว กกต. สอบสวนปม “ฮั้ว สว.” อย่างใกล้ชิด
โดยมีกระแสข่าวเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวคดีฮั้วเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ปี 2567 จากแหล่งข่าวภายในสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) ระบุว่า คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะที่ 26 ได้ประชุมสรุปสำนวนการสอบสวนและได้มีมติเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เห็นควรดำเนินคดีกับผู้ถูกกล่าวหา รวม 229 คน แบ่งเป็น สว. 138 คน กรรมการบริหารพรรคภูมิใจไทยและเครือข่าย 91 คน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 2561 มาตรา 70 ประกอบ มาตรา 36 มาตรา 62 มาตรา 76 และมาตรา 77 (1)
ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า คณะกรรมการสืบสวนฯ เห็นว่าพฤติการณ์ของผู้ถูกกล่าวหา เข้าข่ายมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ ว่าทำให้ได้รับเลือกมาเป็น สว. โดยไม่สุจริต เที่ยงธรรม และขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา113 ที่บัญญัติว่า สว. ต้องไม่ฝักใฝ่ หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด ๆ
หากข้อกล่าวหานี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหญ่ ที่มีนายอิทธิพร บุญประคอง เป็นประธาน และมีมติชี้ขาดหรือสั่งการโดยพ้องกัน จะเข้าสู่กระบวนการที่ กกต. ต้องยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้พิจารณาสั่งยุบพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้อง
สำหรับขั้นตอนต่อไป สำนวนจากคณะกรรมการสืบสวนฯ จะเข้าสู่ขั้นที่ 2 คือ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. จะต้องมีความเห็น อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า นายแสวงจะมอบหมายให้รองเลขาธิการ กกต. เป็นผู้มีความเห็นแทน เนื่องจากเป็นผู้อำนวยการการเลือกสว. ระดับประเทศ ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสีย
เป็นที่น่าสังเกตว่า หนึ่งในมาตราที่ถูกกล่าวถึงอย่างสำคัญ คือมาตรา 76 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. 2561 ซึ่งระบุว่า กรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นใดในพรรคการเมือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ผู้ใดกระทำการโดยวิธีใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือให้ผู้สมัครผู้ใดได้รับเลือกเป็น สว. หรือทำให้ผู้สมัครผู้ใดไม่ได้รับเลือก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น
ผู้สมัครใดยินยอมให้กรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือผู้ดำรงตำแหน่งอื่นใดในพรรคการเมือง สส. สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ช่วยเหลือเพื่อให้ได้รับเลือกเป็น สว. ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น